ราว 1 ปีก่อน “เนสกาแฟ” ยักษ์ใหญ่ตลาดกาแฟในบ้านของเมืองไทย ตัดสินใจออกไปเสิร์ฟแก้วกาแฟของตัวเองนอกบ้าน หลังจากพบว่า แม้ “ตลาดกาแฟ” มูลค่า 64,700 ล้านบาท จะถูกครอบครองด้วยกาแฟในบ้านราว 38,000 ล้านบาท ที่เหลืออีก 26,700 ล้านบาทเป็นของกาแฟนอกบ้าน
หากมูลค่าที่น้อยกว่ากลับพุ่งทะยานมากกว่า โดยมีตัวเลขเติบโตถึง 8% มากกว่าภาพรวมที่เติบโตราว 4% เท่านั้น แน่นอนการเติบโตเช่นนี้จะว่าไปก็ไม่แปลกนัก เพราะ “คอกาแฟ” ยุคนี้ไม่ได้อยากกินอยู่ในบ้านอย่างเดียว แต่ต้องการออกมาสูดบรรยากาศในร้านกาแฟเก๋ๆ พร้อมกับอัพรูปชิคๆ ในร้านที่เกิดขึ้นมาทุกซอกทุกมุม
เพียงแต่ “เนสกาแฟ” รู้ดีว่าการจะตั้งเป็น “ร้านกาแฟ” เลยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เหตุผลใหญ่สุดเพราะการเลือกกาแฟของผู้บริโภคจะเลือกจากความสะดวกเป็นเรื่องแรก ดังนั้นทำเลทองที่มีผู้บริโภคจำนวนมากจึงถูก “ยักษ์ใหญ่” นอกบ้านยึดครองไปเกือบหมดแล้ว เช่นเดียวกันการจะแทรกตัวเข้าไปเป็นการเป็นเรื่องยาก เสี่ยงเจ็บตัวอีกต่างหาก
แต่เมื่อมองจากความสะดวกและความเร็วที่คอกาแฟต้องการ เนสกาแฟจึงหันไปสนใจ “เซ็กเมนต์จุดการเดินทาง” ซึ่งมักจะเป็นการซื้อแบบ On The GO หรือซื้อแล้วเดินออกจากร้านไปทันที เช่น ในรถไฟฟ้า BTS, MRT และสนามบิน ที่พบว่า มีมูลค่าสูงถึง 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นจุดที่มีทราฟฟิกจำนวนมากอยู่แล้วในแต่ละวัน
ใช้ชื่อโมเดลว่า “เนสกาแฟ ฮับ” โดยเปิดสาขาแรกที่ บีทีเอส ชิดลม ผ่านไป 1 ปี จาก 1 ได้ขยายไปอีก 3 สาขา ได้แก่ บีทีเอส เอกมัย บีทีเอส สนามกีฬาแห่งชาติ และ บีทีเอส อารีย์ ที่เปิดให้บริการในเดือนมีนาคม เมษายน และล่าสุดปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งทั้ง 4 สาขามีคนสัญจรไปมากว่า 120,000 คนต่อวัน
วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า
“ปัจจุบันเนสกาแฟ ฮับ มีลูกค้าประจำกว่า 85% จากลูกค้าที่มาใช้บริการทั้งหมด ซึ่งเป็นลูกค้าที่ซื้อกาแฟระหว่างเดินทาง และใช้บริการสั่งเดลิเวอรี่ผ่านไลน์แมน โดยมี 120,000 แก้วในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา”
นอกจากการโคครีเอตกาแฟใหม่ๆ ร่วมกับบาริสต้าชื่อดัง รวมถึงการพัฒนาเมนูกาแฟพิเศษฉลองเทศกาลต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอเครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพแล้ว ยังมีการใช้ฐานข้อมูลมาทำจีโอทาร์เก็ตติ้ง เพื่อสื่อสารเกี่ยวกับเครื่องดื่มและบริการของร้านไปยังผู้บริโภคในรัศมี 2 กม. จากร้าน
สำหรับกลยุทธ์ในปี 2019 นอกเหนือจากเทรนพนักงานให้สามารถเสิร์ฟกาแฟได้ภายใน 3 นาที ได้วางแผนขยายไปยังโลเคชั่นใหม่ๆ นอกเหนือจากทำเลบีทีเอส และเพิ่มรูปแบบใหม่ๆ ด้วย
ภายใน 1 ปีต่อจากนี้เตรียมงบลงทุนอีก 50 ล้านบาท สำหรับขยายสาขาเพิ่มอีก 15 สาขา พร้อมกับตั้งเป้ายอดขายเติบโตกว่า 600% หรือประมาณ 400,000 แก้ว ในปีหน้า และผลักดันยอดขายโดยรวมที่ 20 ล้านบาท