ออกมาเสิร์ฟนอกบ้านแล้วได้ผล! 1 ปี “เนสกาแฟ ฮับ” ขายได้ 1.2 แสนแก้ว ตั้งเป้าภายในปี 2020 เปิดให้ครบ 50 สาขา

ราว 1 ปีก่อนเนสกาแฟยักษ์ใหญ่ตลาดกาแฟในบ้านของเมืองไทย ตัดสินใจออกไปเสิร์ฟแก้วกาแฟของตัวเองนอกบ้าน หลังจากพบว่า แม้ “ตลาดกาแฟ” มูลค่า 64,700 ล้านบาท จะถูกครอบครองด้วยกาแฟในบ้านราว 38,000 ล้านบาท ที่เหลืออีก 26,700 ล้านบาทเป็นของกาแฟนอกบ้าน

หากมูลค่าที่น้อยกว่ากลับพุ่งทะยานมากกว่า โดยมีตัวเลขเติบโตถึง 8% มากกว่าภาพรวมที่เติบโตราว 4% เท่านั้น แน่นอนการเติบโตเช่นนี้จะว่าไปก็ไม่แปลกนัก เพราะคอกาแฟยุคนี้ไม่ได้อยากกินอยู่ในบ้านอย่างเดียว แต่ต้องการออกมาสูดบรรยากาศในร้านกาแฟเก๋ๆ พร้อมกับอัพรูปชิคๆ ในร้านที่เกิดขึ้นมาทุกซอกทุกมุม

เพียงแต่เนสกาแฟรู้ดีว่าการจะตั้งเป็นร้านกาแฟ เลยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เหตุผลใหญ่สุดเพราะการเลือกกาแฟของผู้บริโภคจะเลือกจากความสะดวกเป็นเรื่องแรก ดังนั้นทำเลทองที่มีผู้บริโภคจำนวนมากจึงถูกยักษ์ใหญ่ นอกบ้านยึดครองไปเกือบหมดแล้ว เช่นเดียวกันการจะแทรกตัวเข้าไปเป็นการเป็นเรื่องยาก เสี่ยงเจ็บตัวอีกต่างหาก

แต่เมื่อมองจากความสะดวกและความเร็วที่คอกาแฟต้องการ เนสกาแฟจึงหันไปสนใจเซ็กเมนต์จุดการเดินทาง ซึ่งมักจะเป็นการซื้อแบบ On The GO หรือซื้อแล้วเดินออกจากร้านไปทันที เช่น ในรถไฟฟ้า BTS, MRT และสนามบิน ที่พบว่า มีมูลค่าสูงถึง 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นจุดที่มีทราฟฟิกจำนวนมากอยู่แล้วในแต่ละวัน

ใช้ชื่อโมเดลว่าเนสกาแฟ ฮับโดยเปิดสาขาแรกที่ บีทีเอส ชิดลม ผ่านไป 1 ปี จาก 1 ได้ขยายไปอีก 3 สาขา ได้แก่ บีทีเอส เอกมัย บีทีเอส สนามกีฬาแห่งชาติ และ บีทีเอส อารีย์ ที่เปิดให้บริการในเดือนมีนาคม เมษายน และล่าสุดปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งทั้ง 4 สาขามีคนสัญจรไปมากว่า 120,000 คนต่อวัน

วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า 

ปัจจุบันเนสกาแฟ ฮับ มีลูกค้าประจำกว่า 85% จากลูกค้าที่มาใช้บริการทั้งหมด ซึ่งเป็นลูกค้าที่ซื้อกาแฟระหว่างเดินทาง และใช้บริการสั่งเดลิเวอรี่ผ่านไลน์แมน โดยมี 120,000 แก้วในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา

นอกจากการโคครีเอตกาแฟใหม่ๆ ร่วมกับบาริสต้าชื่อดัง รวมถึงการพัฒนาเมนูกาแฟพิเศษฉลองเทศกาลต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอเครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพแล้ว ยังมีการใช้ฐานข้อมูลมาทำจีโอทาร์เก็ตติ้ง เพื่อสื่อสารเกี่ยวกับเครื่องดื่มและบริการของร้านไปยังผู้บริโภคในรัศมี 2 กมจากร้าน

สำหรับกลยุทธ์ในปี 2019 นอกเหนือจากเทรนพนักงานให้สามารถเสิร์ฟกาแฟได้ภายใน 3 นาที ได้วางแผนขยายไปยังโลเคชั่นใหม่ๆ นอกเหนือจากทำเลบีทีเอส และเพิ่มรูปแบบใหม่ๆ ด้วย

ภายใน 1 ปีต่อจากนี้เตรียมงบลงทุนอีก 50 ล้านบาท สำหรับขยายสาขาเพิ่มอีก 15 สาขา พร้อมกับตั้งเป้ายอดขายเติบโตกว่า 600% หรือประมาณ 400,000 แก้ว ในปีหน้า และผลักดันยอดขายโดยรวมที่ 20 ล้านบาท