“เนสท์เล่” แจงไทม์ไลน์-ผลกระทบศาลสั่งห้ามผลิต-ขาย Nescafé ในไทย ปมพิพาท “มหากิจศิริ”

ที่มาภาพ : เนสท์เล่

เนสท์เล่ เปิดเผยว่า เป็นเจ้าของแบรนด์เนสกาแฟ ตั้งแต่ปี 2533-2567 โดยที่ผ่านมาได้ผลิตเนสกาแฟในไทย ผ่าน บริษัท ควอลิตี้คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ซึ่งเป็นการร่วมทุน (JV) สัดส่วน 50:50 ระหว่างเนสท์เล่ และตระกูลมหากิจศิริ ซึ่งมีคุณประยุทธ มหากิจศิริ เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น

ภายใต้สัญญาการร่วมทุนนี้ เนสท์เล่ มีอำนาจในการบริหารงาน การผลิต การจัดจำหน่าย รวมทั้งการทำการตลาดผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ โดยเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเนสกาแฟนั้นเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเนสท์เล่

ไทม์ไลน์การฟ้องร้องระหว่าง เนสท์เล่-มหากิจศิริ

  • ปี 2564

เนสท์เล่ ได้แจ้งยุติสัญญาที่ให้สิทธิ บริษัท ควอลิตี้คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ในการผลิตเนสกาแฟ

  • 31 ธันวาคม 2567

การยุติสัญญามีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายโดยคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการสากล โดยมีผลเป็นการเลิกสัญญา

ภายหลังการยุติสัญญา ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงเรื่องการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด

  • 14 มีนาคม 2568

เนสท์เล่ เอส เอ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด

ปัจจุบันกระบวนการพิจารณาคำร้องเพื่อขอเลิกบริษัทอยู่ในการพิจารณาของศาล

  • เดือนมีนาคม – เมษายน 2568

คุณเฉลิมชัย มหากิจศิริ ได้ฟ้องร้องต่อศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อดำเนินคดีแพ่งกับบริษัทในเครือเนสท์เล่ และกรรมการ จำนวน 2 คดี และต่อมาศาลแพ่งมีนบุรีได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในแต่ละคดี

  • 3 เมษายน 2568

ศาลแพ่งมีนบุรี ได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้เนสท์เล่ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เนสกาแฟแต่เพียงผู้เดียว ดำเนินการผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมายการค้า Nescafé ในประเทศไทย

เนสท์เล่ ระบุว่า บริษัทฯ ยังไม่มีโอกาสเสนอข้อเท็จจริงต่อศาลก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งดังกล่าว แต่เนสท์เล่ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งศาล

  • 4 เมษายน 2568

เนสท์เล่ ออกหนังสือแจ้งลูกค้า ได้แก่ ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกต่างๆ ทั่วประเทศ
ให้รับทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

และแจ้งว่าบริษัทฯ จะไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจากร้านค้าเหล่านี้ได้ โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้จนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบภายหลัง

ส่วนร้านที่ยังมีเนสกาแฟเหลืออยู่ยังสามารถขายได้ตามปกติ

ทั้งนี้ เนสท์เล่ ยืนยันเร่งดำเนินการแก้ไขสถานการณ์นี้ และกำลังดำเนินการยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวต่อศาล พร้อมยื่นข้อมูลที่ครบถ้วนแก่ศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อการพิจารณาคำร้อง