“เนสท์เล่” ยืนยันไทยยังเป็นฐานการผลิตเนสกาแฟ ปรับแผน 3 อย่าง ไม่กระทบราคาขาย

เนสกาแฟ
แหล่งข่าวระดับสูงของ “เนสท์เล่ ประเทศไทย” ยืนยันกับ Positioning ว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศฐานการผลิตเนสกาแฟ ถึงแม้ว่าในขณะนี้ยังมีคดีความกับ บริษัท ควอลิตี้คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ซึ่งเป็นการร่วมทุน (JV) สัดส่วน 50:50 ระหว่างเนสท์เล่ และตระกูลมหากิจศิริ มีการร่วมทุนกันมายาวนานตั้งแต่ปี 2533-2567

แต่ในช่วงที่ยังมีข้อพิพาทกับตระกูลมหากิจศิริ จะมีปรับแผน 3 อย่าง เพื่อให้มีสินค้าเนสกาแฟขายในไทย ได้แก่ นำเข้าจากเวียดนาม, จ้างบริษัท OEM ผลิต 2-3 แห่ง และปรับไลน์การผลิตของโรงงานที่มีอยู่ชั่วคราว

มีการยืนยันว่า ไม่กระทบเรื่อง “ราคาขาย” ถ้าจะกระทบเป็นเรื่องของต้นทุนเมล็ดกาแฟที่ปรับสูงขึ้นมากกว่า ไม่ใช่เรื่องย้ายฐานการผลิต หรือนำเข้าจากเวียดนาม ตอนนี้ยังไม่มีแผนในการปรับขึ้นราคา

ปัจจุบันเนสท์เล่ ประเทศไทยมีโรงงานทั้งหมด 8 แห่ง ในปี 2567 มีการขยายการผลิตในส่วนนม UHT และอาหารสัตว์ และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนรวม 22,800 ล้านบาท

ในอนาคตถ้ามีการตกลงกันได้ และสิ้นสุดคดีความ อาจจะมีการจัดตั้งโรงงานใหม่เพื่อผลิตเนสกาแฟ เพราะประเทศ ไทยเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาค เป็นหนึ่งในประเทศที่มีสินค้าขายทุกกลุ่มทั้งกาแฟ อาหารสัตว์ นมเด็ก น้ำดื่ม ไอศกรีม และอื่นๆ บางประเทศอาจไม่มีขายสินค้าบางกลุ่ม

เมื่อปี 2564 เนสท์เล่ ได้แจ้งยุติสัญญาที่ให้สิทธิ บริษัท ควอลิตี้คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ในการผลิตเนสกาแฟ โดยไม่สามารถอธิบายถึงเหตุผลในการแจ้งยุติสัญญาได้ ทำให้เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 การยุติสัญญา มีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายโดยคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการสากล โดยมีผลเป็นการเลิกสัญญา แต่ภายหลังการยุติสัญญา ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงเรื่องการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด จึงมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น

บริษัท ควอลิตี้คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) มีทุนจดทะเบียนบริษัท 500 ล้านบาท มียอดขายในปี 2566 อยู่ที่ 17,157.36 ล้านบาท

ปัจจุบัน QCP มีสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น

ฝั่งของมหากิจศิริ

  • นายประยุทธ มหากิจศิริ 3.2% (1.6 ล้านหุ้น)
  • นางสุวิมล มหากิจศิริ 5.0% (2.5 ล้านหุ้น)
  • นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ 41.8% (20.9 ล้านหุ้น)

ฝั่งเนสท์เล่

  • NESTLE S.A. 30.0% (15 ล้านหุ้น)
  • NESTLE TRADING (THAILAND) LTD 1.0% (5 แสนหุ้น)
  • VETROPA S.A. 19.0% (9.5 ล้านหุ้น)