จาก “เทรนด์สุขภาพ” ที่กำลังเป็นที่สนใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้สร้าง Effect กระตุ้นสินค้าที่เกี่ยวข้องให้เติบโตอย่างพุ่งกระฉูด รวมไปถึง “Smart watch” ซึ่งมีอัตราเติบโตนับ 100% ในขณะที่ภาพรวมตลาดนาฬิกามูลค่า 25,000 ล้านบาท เติบโตแค่ 3% เท่านั้น
“จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล” Chief Business Officer – Specialty Business บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ “ชนิสา แก้วเรือน” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานกิจกรรมการตลาดและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด อธิบายว่า การเติบโตของ Smart watch ไม่ได้เข้ามากระทบกับกลุ่มนาฬิกาทั่วไป
เพราะผู้บริโภคมักจะซื้อ Smart watch เป็นนาฬิกาเรือนที่ 2 หรือ 3 มากกว่า ด้วยต้องการฟังก์ชัน เช่น วัดอัตราการเต้นหัวใจ, วัดอัตราการวิ่ง และฟังเพลง เข้ามาตอบโจทย์ช่วงที่ออกกำลังกาย ซึ่งกระแสที่ว่านี้ถูกกระตุ้นด้วยแบรนด์อย่าง Garmin รวมไปถึง Apple Watch
ขณะเดียวกันแบรนด์นาฬิกาแฟชั่นก็หันมาทำ Smart watch กันมากขึ้น รวมไปถึงแบรนด์หรูก็เอาด้วย ส่งผลให้ปัจจุบันสัดส่วนในตลาดรวมได้ขึ้นมาเกือบ 10% แล้ว
Demand ที่แท้จริงอยู่ในกลุ่ม “ลักชัวรี่และไฮเอนด์”
อย่างไรก็ตาม แม้ Smart watch จะเป็นสีสันที่เข้ามากระตุ้นตลาด แต่ Demand ที่แท้จริงกลับอยู่ในกลุ่มของ “ลักซ์ชัวรี่และไฮเอนด์” ราคาต่อเรือนนับแสนบาทขึ้นไป ซึ่งกลุ่มนี้มักจะซื้อเพื่อการสะสมเป็นหลัก โดยจะชอบมากหากเป็นรุ่นหายากและออกมาจำกัด ไม่เกี่ยงเรื่องราคาด้วยมีกำลังซื้ออยู่แล้ว และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ
ไม่ใช่แค่ในเมืองไทยเท่านั้นในตลาดโลกก็เป็นเช่นเดียวกันจากผลวิจัยของ BRANDZ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยทางการตลาดและสื่อสารการตลาดระดับโลก ระบุว่า ในปี 2562 ภาพรวมของ “ตลาดแบรนด์ระดับลักชัวรี่” มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 29% หรือมูลค่า 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.2 ล้านล้านบาท) ทำให้ตอนนี้มีมูลค่าตลาดรวม 171,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (5.3 ล้านล้านบาท) โดยเฉพาะอุตสาหกรรมนาฬิกานั้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังคงเป็นไปในทิศทางบวก
ตัวเลขจากงานบาเซิลเวิลด์ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2019 ที่ผ่านมา ระบุว่า มูลค่าการส่งออกนาฬิกาสวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าถึง 2.1 หมื่นล้านฟรังก์สวิส หรือราว 6.7แสนล้านบาท โดยมีตลาดเอเชียเป็นแกนนำหลัก ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 53% เพิ่มขึ้น 12.2% และฮ่องกงยังคงเติบโตเป็นอันดับต้นๆ
ด้านสหรัฐอเมริกายังมีส่วนสร้างให้ภาพรวมการเติบโตของธุรกิจดำเนินไปเป็นอย่างดีมีอัตราส่วน 14% ขณะที่ยุโรป ยังคงเป็นตลาดที่สำคัญ ด้วยอัตราส่วนทางการตลาด 31% นอกจากนี้ยังเห็นการเปลี่ยนแปลงของหลายแบรนด์ที่มีการปรับดีไซน์รวมถึงราคาที่จับต้องได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดนาฬิกาในเอเชีย ยังคงเป็นที่สนใจของแบรนด์ต่างๆ โดยไทยเองติดอันดับ 15 ของโลกที่นำเข้านาฬิกาจากสวิส ซึ่งหากวัดเฉพาะในเอเชียตลาดไทยติดท็อป 3 ในแง่ของมูลค่าตลาดที่ใหญ่ที่สุดรองจากฮ่องกงและจีน
เจาะเทรนด์นาฬิกา “วินเทจและมิกซ์แอนด์แมตช์แฟชั่น” มาแรง
สำหรับ “ตลาดนาฬิกาหรูระดับลักชัวรี่” ยังคงเป็นเป็นอันดับ 1 ที่ผู้บริโภคยังคงให้ความสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้ชายที่ให้ความสนใจมากกว่าผู้หญิง และนิยมซื้อเพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเองหรือการสะสมเพื่อเพิ่มมูลค่าและการลงทุน
โดยเทรนด์ของนาฬิกาหรูระดับลักชัวรี่ในปีนี้ หลายแบรนด์มีดีไซน์ออกมาในสไตล์วินเทจผสมเทคโนโลยีสมัยใหม่ และมีตัวเรือนขนาดเล็กขึ้นไม่ว่าจะเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางหรือความหนาของตัวเรือน หลังจากที่เทรนด์นาฬิกาขนาดใหญ่ครองพื้นที่มาเกือบทศวรรษ ขณะเดียวกันก็ให้ความสนใจกับวัสดุอย่างทองคำและเซรามิกด้วย
ส่วนเทรนด์ในภาพรวมนั้นที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในปีนี้ทั้งคู่ประเมินว่าคือการมิกซ์แอนด์แมตช์ X FASHION, AFFORDABLE PRICE และนาฬิกากลุ่มสีเขียว น้ำเงิน เทา สีรุ้ง โดยเน้นที่กลุ่ม Hi-End และ Sport Trend ยังมีการเติบโตของยอดจำหน่ายสูงสุดในภาพรวมของตลาดนาฬิกา
ขณะเดียวกันในช่วง 2 – 3 ปี ที่ผ่านมาแต่ละแบรนด์หันมานำเสนอกลยุทธ์รูปแบบใหม่ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ อาทิ การทำนาฬิการุ่นพิเศษร่วมกับศิลปิน, ดารา หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าให้หลากหลายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้ออย่างต่อเนื่อง
“วอทช์ แกลอเรีย” ตั้งเป้าโต 5%
ทั้งนี้แม้ทิศทางตลาดจะยังเติบโตได้อยู่แต่ “จักรกฤษณ์” บอกว่า ความท้าทายคือตลาดนาฬิกาค่อนข้างนิ่ง ไม่หวืหวาเหมือนตลาดอื่นๆ เพราะไม่มีปัจจัยอะไรมากระตุ้นเป็นพิเศษ ซึ่งการจะทำให้ตลาดคึกคักได้นั้นต้องจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้จึงได้ใช้งบ 45 ล้านบาท จัดงาน “สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2019”
ปีนี้จัดเป็นปีที่ 13 ติดต่อกัน ในงานมีนาฬิกากว่า 180 แบรนด์ชั้นนำ รวมกว่า 30,000 เรือน โดยคาดการณ์ว่าโปรโมชั่นส่วนลด และของสมนาคุณมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท จะเป็นตัวช่วยที่ช่วยกระตุ้นยอดและสร้างเม็ดเงินสะพัดในงานไม่ต่ำกว่า 360 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมวอทช์ แกลอเรีย (WATCH GALLERIA) มีส่วนแบ่งตลาดนาฬิกา 10% จากภาพรวมของตลาดนาฬิการีเทลมีมูลค่า 15,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 9 สาขา พื้นที่รวมกัน 10,000 ตารางเมตร
ในปี 2019 วาง 3 กลยุทธ์ด้วยกันเพื่อทำให้ยอดขายรวมเติบโต 5% ได้แก่ เพิ่มจำนวนแบรนด์และรุ่นของ Smart watch โดยจะขยายให้ครบทุกสาขาภายในไตรมาส 4 นำรูปแบบ concept จากสวิตเซอร์แลนด์ ไปยังสาขาของเดอะมอลล์เพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีกำลังซื้อที่อาศัยอยู่รอบเมือง
สุดท้ายคือขยายช่องทางไปสู่ออนไลน์ แม้ลูกค้าส่วนใหญ่เวลาซื้อนาฬิกาจะนิยมมาซื้อที่ร้านมากกว่า แต่ด้วยเทรนด์ในปัจจุบันจึงเลี่ยงช่องทางนี้ไม่ได้โดยได้จับมือกับ Lazada เข้าไปเปิด shop ในเดือนตุลาคม เบื้องต้นจะมีสินค้า 100 sku 20 แบรนด์ในช่วงเปิดตัว และจะมีถึง 50 แบรนด์เมื่อถึงสิ้นปี คาดยอดมียอดขาย 5 ล้านบาท ในช่วงตุลาคมถึงธันวาคม