บริษัทร่วมทุนอนาคตไกลของ AB InBev มีชื่อว่า ZX Ventures ซึ่งใจกล้าเดินหน้าโครงการสินค้าคอนซูเมอร์มากมาย เช่น โครงการความร่วมมือเพื่อวิจัยอาหารว่างเสริมโปรตีนสำหรับกลุ่มแฟนผู้นิยมเล่นโยคะ โครงการซื้อแบรนด์ไวน์กระป๋องชื่อ Babe Wine ของ influencer ชื่อดังบน Instagram อย่าง The Fat Jewish และโครงการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออนไลน์ใน 6 ประเทศ จุดยืนของ ZX Ventures ไม่ใช่ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัป แต่เป็นบริษัทลูกของ Anheuser-Busch InBev NV ที่เน้นวัฒนธรรม “ฝันให้ไกล” แล้วไปให้ถึง
Pedro Earp หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ AB InBev ซึ่งนั่งเก้าอี้ควบตำแหน่งประธาน ZX ด้วย ยืนยันว่ายังมีโอกาสอีกมากมายรออยู่ในตลาดยุคนี้
เน้นไอเดียสดใหม่
แนวคิดของ ZX Ventures คือการเฟ้นหาเครื่องมือเพื่อการเติบโตที่มีศักยภาพ แล้วเดินหน้าผลักดันอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเองในบริษัท (in-house) หรือผ่านการเข้าซื้อกิจการ ดังนั้นผู้ผลิตเบียร์เบอร์ 1 ของโลกจึงมีอิสระสูงและหลากหลายมาก เช่นก่อนหน้านี้ Labatt บริษัทย่อยของ AB InBev ในแคนาดาก็กำลังค้นคว้าพัฒนาเครื่องดื่มกัญชาโดยร่วมมือกับ Tilray และอีกหลายความพยายามที่จะทำให้บริษัทอยู่รอดท่ามกลางตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ความท้าทายหลักของแบรนด์เก่าแก่ในวันนี้คือผู้บริโภครุ่นใหม่มองข้ามแบรนด์เก่า ความท้าทายนี้กำลังส่งผลถึงบริษัทคอนซูเมอร์แทบทุกประเภทตั้งแต่ผู้ผลิตสินค้ากลุ่มผงซักฟอกไปจนถึงซอสมะเขือเทศ ความท้าทายนี้ถูกตอกย้ำชัดเจนเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อ AB InBev ยกเลิกการเสนอขายหุ้นในตลาดเอเชียเนื่องจากขาดความสนใจจากนักลงทุน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ AB InBev คือคอเบียร์เริ่มหันหลังให้เบียร์แบรนด์ใหญ่ ทำให้ AB InBev เริ่มหารือเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมเครื่องดื่มหรือสินค้าใหม่ตั้งแต่ปี 2015 ภาวะนี้ทำให้เกิดเป็น VC อย่าง ZX Ventures ที่มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมเป็นหลัก ซึ่งก่อนหน้านี้ ZX Ventures ก็เคยเดินทางไปที่ Silicon Valley เหมือนกับบริษัทอื่น
Earp หัวเรือใหญ่ ZX Ventures ระบุว่าสิ่งที่บริษัทได้รับนั้นมีมากกว่าการเติบโตแบบทวีคูณ เพราะการอนุมัติหน่วยงาน ZX Ventures ให้เป็นอิสระแบบสิ้นเชิงนั้นทำให้บริษัทสามารถเทความสนใจ 100% ไปที่สิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของบริษัทได้แบบไม่มีสิ่งใดกวนใจ
เติบโตต่อเนื่อง
หลังจากคลอดหลากหลายผลิตภัณฑ์เช่นเบียร์สมุนไพรและค็อกเทลกระป๋อง ZX Ventures กลายเป็นโครงการใหม่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ AB InBev ปัจจุบันมีพนักงาน 1,500 คน ถือหุ้นในกว่า 60 บริษัท และมีรายได้ประจำปี 2018 สูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 10% ของอัตราการเติบโตของยอดขายทั่วโลกของ AB InBev และมากกว่าครึ่งหนึ่งของธุรกิจยุโรป
เป้าหมายของ ZX Ventures ยังอยู่ที่การเพิ่มศักยภาพท่ามกลางปัญหาที่รออยู่ในตลาด ที่ผ่านมา AB InBev เติบโตจากผู้ผลิตเบียร์สัญชาติบราซิลรายเล็ก ก่อนขยับเข้าสู่กลุ่มบริษัทผู้ผลิตเบียร์มากกว่า 1 ใน 3 ของตลาดโลก อย่างไรก็ตาม AB InBev มีชื่อเสียงเรื่องการซื้อกิจการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์แล้วจึงปรับโครงสร้างด้วยการลดพนักงานจำนวนมาก ทำให้บริษัทต้องบริหารต้นทุนสุดมือจนล่าสุด AB InBev ประกาศว่าจะขายสินทรัพย์ในออสเตรเลียให้กับ Asahi Group Holdings Ltd. ในราคา 11,300 ล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา
สิ่งที่น่าจับตาของ ZX Ventures คือการเปิดตลาดใหม่ที่เต็มไปด้วยไอเดียสดอนาคตไกล เช่นการร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีด้านอาหารชื่อ Zea10 เพื่อผลิตอาหารว่างเสริมโปรตีนที่มุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่ผู้นิยมโยคะ ซึ่งจะเป็นอาหารว่างที่ผลิตจากเมล็ดข้าวซึ่งเหลือจากการผลิตเบียร์ คาดว่าธุรกิจนี้จะทำเงินได้อีกหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากปัจจุบันเมล็ดข้าวถูกจำหน่ายเป็นอาหารสัตว์ราคาถูก
ยังมีแบรนด์ชื่อ Cutwater Spirits ที่นำเสนอเครื่องดื่มค็อกเทลที่ผสมไว้ล่วงหน้าเช่น Margaritas, bloody marys และ gin tonic ในกระป๋องแบบเสิร์ฟเดี่ยว ร่วมกับการลงทุนในเว็บไซต์เช่น BeerHawk.com ของสหราชอาณาจักรและ Saveur-Biere.com ของฝรั่งเศส รวมถึงอีกหลายเว็บไซต์จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออนไลน์ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่
ZX Ventures ยังลงทุนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มการซื้อและรสชาติใหม่ในวงการเบียร์และเครื่องดื่ม ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงทางหนีทีไล่สุดชาญฉลาดของยักษ์ใหญ่ AB InBev ในยุคดิจิทัล.