“เจ้าสัวเจริญ” คัดทรัพย์สินกลุ่ม TCC ให้อีก 20 โครงการ หนุน “แอสเสท เวิรด์” ลงทุนยาวหลังเข้าตลาด

“แอสเสท เวิรด์” หรือ AWC ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ราคาหุ้นละ 6 บาท จำนวน 8,000 ล้านหุ้น สัดส่วน 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 25 – 27 ก.ย. นี้ และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ต้นเดือน ต.ค. นี้ เพื่อระดมทุน 48,000 ล้านบาท

ดังนั้น AWC จึงกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ณ ราคา IPO รวม 1.92 แสนล้านบาท ทุบสถิติทุกบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ทรัพย์สินกลุ่มแรก 1.15 แสนล้าน      

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ซึ่งมี TCC Group ของเจ้าสัวเจริญ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้จัดพอร์ตโฟลิโอทรัพย์สิน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน (Freehold) 90% ให้ AWC มี 2 กลุ่ม คือ 1. ธุรกิจโรงแรมและบริการ (Hospitality) และ 2. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ประเภทค้าปลีกและอาคารสำนักงาน

Bangkok Marriott Marquis

หลังการเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ AWC จะมีโครงการในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการรวมทั้งสิ้น 27 โครงการ จากปัจจุบันที่มีโครงการ 14 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 10 แห่ง และรวมโครงการอีก 4 แห่ง ตามสัญญาซื้อขายหุ้นปี 2562 และโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหรือมีแผนการพัฒนาจำนวน 13 แห่ง เป็นโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหรือแผนในการพัฒนา 11 แห่ง และ โครงการอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูส อีก 2 แห่ง ใน 5 ปีข้างหน้า AWC จะมีห้องพักโรงแรมรวม 8,506 ห้อง เป็นบริษัทที่จำนวนห้องพักมากที่สุดในประเทศไทย

ส่วนกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial Building) ทั้งกลุ่มอสังหาฯ เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail and Wholesale) คอมมูนิตี้ช้อปปิ้งมอลล์และคอมมูนิตี้มาร์เก็ต ภายใต้แบรนด์เกทเวย์ พันธุ์ทิพย์ และตะวันนา ปัจจุบันมีพื้นที่รวม 165,628 ตารางเมตร และในปี 2565 จะมีพื้นที่เช่าสุทธิรวม 415,481 ตารางเมตร จากโครงการทั้งหมด 11 โครงการ

Asiatique

โดยมีโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว 9 โครงการ รวม 1 โครงการ ที่ทำข้อบันทึกตกลงสัญญาว่าจ้างบริหารเกตเวย์ เอกมัย และเพื่อพิจารณาเข้าลงทุนในโครงการเกตเวย์ เอกมัย ปี 2562 และอีก 2 โครงการซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาและปรับปรุง และที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและทดสอบความพร้อมต่างๆ พร้อมกับเป็นเจ้าของอาคารสำนักงานอีก 4 แห่ง เช่น อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ พื้นที่เช่าสุทธิรวม 270,594 ตารางเมตร

โดยมูลค่าสินทรัพย์ของ AWC ปัจจุบันอยู่ที่ 92,000 ล้านบาท หลังเข้าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 115,000 ล้านบาท จากการลงทุนเพิ่มในอีก 12 โรงแรมที่เซ็นสัญญาไว้แล้ว

วัลลภา ไตรโสรัส

TCC ให้สิทธิอีก 20 โครงการ

วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องจาก AWC มี TCC Group ถือหุ้น 75% ทำให้ AWC มีโครงสร้างพิเศษโดยได้สิทธิในการลงทุนทรัพย์สินของกลุ่ม TCC ซึ่งจะนำแลนด์แบงก์และโครงการที่มีศักยภาพในมือ ให้สิทธิ AWC คัดเลือกไปลงทุนก่อน เพื่อให้ AWC เป็นแฟลกชิพ ที่เติบโตในระยะยาวในธุรกิจที่เน้นการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ ทั้งกลุ่มโรงแรม ช้อปปิ้ง และอาคารสำนักงาน โดยจะมี Big Development ต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ จากเอกสารนำเสนอข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญของ AWC ระบุว่า สัญญาให้สิทธิระหว่าง AWC และ TCC ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์ในการเข้าถึงที่ดินและอสังหาฯ จำนวนมาก ตัวอย่างทรัพย์สินตามสัญญาให้สิทธิที่มีศักยภาพในการลงทุนหรือพัฒนาโครงการ ที่ AWC อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนหรือพัฒนาโครงการ ตัวอย่างเบื้องต้นของทรัพย์สินตามสัญญาให้สิทธิมีจำนวน 20 โครงการ ใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย

  • เชียงราย 1 โครงการ ประเภทรีสอร์ท คือ เดอะ อิมพีเรียล ริเวอร์ เฮ้าส์ รีสอร์ท
  • เชียงใหม่ 5 โครงการ ประเภท เวลเนส รีสอร์ท และมิกซ์ยูส
  • กรุงเทพฯ 11 โครงการ ประเภท มิกซ์ยูส โรงแรม และค้าปลีก โครงการขนาดใหญ่คือ เวิ้งนครเกษม พื้นที่ 1.62 แสนตร.ม. นอกจากนี้ยังมีแลนด์แบงก์ที่พร้อมพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส ในทำเล ถนนบางนา กม.1, สุขุมวิท 103/1, ทำเลเจริญนคร ธุรกิจโรงแรมทำเล สุขุมวิท 22 สุขุมวิท 38 และค้าปลีกทำเล ถนนพระราม 2 เป็นต้น
  • ชลบุรี 3 โครงการ ประเภท มิกซ์ยูส ในโครงการ โรงแรมเดอะ อิมพีเรียล พัทยา, ที่ดิน 12 ไร่ ติดกับโรงแรม Grand Sole และโครงการ The Sails พัทยา

ทั้ง 20 โครงการดังกล่าวรวมพื้นที่อาคารสูงสุด ที่คาดว่าจะดำเนินการ แบ่งเป็น โรงแรม 8.55 ล้าน ตร.ม. กิจการค้าปลีก 2.6 แสน ตร.ม. และอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูส 2.69 ล้าน ตร.ม. รวม 11.50 ล้าน ตร.ม.

นอกจากนี้ AWC ยังได้รับสนับสนุนจาก Ecosystem ของ TCC Group ที่มีเครือข่ายธุรกิจหลากหลายทั้งอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มอุตสาหกรรมและการค้า กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน กลุ่มอสังหาฯ และกลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ที่จะช่วยสร้างการเติบโตและเพิ่มมูลค่าเงินทุนในระยะยาว

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2562 AWC มีรายได้ 6,442 ล้านบาท และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 3,114 ล้านบาท สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมและบริการ 52% ธุรกิจอาคารสำนักงาน 30% และค้าปลีก 18%