นิสสัน เผยวิสัยทัศน์การขับขี่แห่งโลกอนาคตในประเทศไทย ภายในงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีประจำปี Blognone Tomorrow 2019: Human & Machine พร้อมนำเสนอเทรนด์สำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่ส่งผลต่อตลาดรถยนต์ในประเทศไทย
งานสัมมนา Blognone Tomorrow 2019 จัดขึ้นภายใต้ธีม ‘Human & Machine’ ที่เน้นการทำงานร่วมกันระหว่าง มนุษย์ เทคโนโลยี และเครื่องจักร ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดในยุคอุตสาหกรรม 4.0
ในการบรรยายพิเศษครั้งนี้ ราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน ประเทศไทย ได้อธิบายถึงความก้าวล้ำของเทคโนโลยีที่มีความสามารถอันโดดเด่นในการช่วยจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นจริงและสร้างประโยชน์แก่ผู้คนเป็นจำนวนมาก
“นิสสันมีเป้าหมายที่จะถ่ายทอดนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ผู้คนมีวิถีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น” ราเมช กล่าว พร้อมยกตัวอย่างถึงการใช้งานแบตเตอรี่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ของนิสสัน ที่นอกจากจะสามารถจ่ายพลังงานในการชาร์จให้แก่รถพลังงานไฟฟ้าแล้ว ตัวแบตเตอรี่เองยังสามารถจ่ายพลังงานกลับคืนสู่ บ้าน สำนักงาน สนามกีฬา หรือแม้แต่ระบบกริดพลังงานได้อีกด้วย “ในวันนี้ เรายังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมผ่านนิสสัน อินเทลลิเจ้นท์ โมบิลิตี้ เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคต”
ทั้งนี้ ราเมช ได้กล่าวถึงเทรนด์ที่จะช่วยสนับสนุนโรดแมปการพัฒนานวัตกรรมการขับขี่แห่งโลกอนาคตในประเทศไทย ซี่งรวมถึงการใช้รถยนต์เป็นแหล่งพลังงานทดแทน บทบาทของมนุษย์ในระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และเทคโนโลยีการขับขี่แห่งโลกอนาคตอีกด้วย
โดยเทรนด์ต่าง ๆ ประกอบไปด้วย
- ยานพาหนะในรูปแบบของแหล่งพลังงานเคลื่อนที่: ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นได้มากกว่ายานพาหนะเพียงเพื่อการสัญจร แต่ยังสามารถจ่ายไฟให้กับบ้าน หรือคืนกลับไปในระบบกริดพลังงาน
- มนุษย์ยังคงต้องเป็นศูนย์กลางในการขับขี่และสามารถเชื่อมโยงเทคโนโลยีแห่งอนาคตได้อย่างไร้รอยต่อ: การพัฒนายานยนต์แห่งโลกอนาคต ต้องทำให้ผู้คนเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยี “เราไม่ได้สร้างเทคโนโลยีเพื่อแทนที่ผู้คน แต่เราสร้างสรรค์เทคโนโลยีเพื่อทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น พร้อมเปลี่ยนแปลงวิถีการขับขี่ให้กับเมืองของเรา” ราเมช กล่าว
- เทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งโลกอนาคต: ระหว่างการบรรยาย ราเมช ได้เผยให้เห็นถึง เทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง เทคโนโลยีInvisible-to-Visible (I2V) ที่ผสานรวมโลกความเป็นจริงและโลกเสมือนจริงเข้าไว้ด้วยกัน และอีกหนึ่งไฮไลท์ของนิสสันอย่าง เทคโนโลยี Brain-to-Vehicle (B2V) ที่นำคลื่นสมองของผู้ขับมาวิเคราะห์ด้วยระบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ประสบการณ์ของของผู้ขับขี่เป็นไปอย่างไร้รอยต่อมากขึ้น
ราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน ประเทศไทย กล่าวถึงวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีและความเป็นผู้นำในการผลิตเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่ได้เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2490 ในรถยนต์รุ่น Nissan Tama
ภายใต้แนวคิดที่ต้องการให้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง นิสสันจึงออกแบบยานยนต์แห่งโลกอนาคตที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ไมหยุดนิ่งของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคตทั้งในประเทศไทยและทั่วทุกมุมโลก
“ที่นิสสัน เรามุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเราไม่เพียงแต่คาดการณ์เทรนด์ของเทคโนโลยีในอนาคต แต่เราคือผู้กำหนดทิศทางอย่างแท้จริง โดยเทคโนโลยีล้ำสมัยเหล่านี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งนิสสัน อินเทลลิเจ้นท์ โมบิลิตี้ เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคต ที่พร้อมเปลี่ยนวิถีการขับเคลื่อนยานยนต์ วิถีในการขับขี่ รวมถึงการบูรณาการเข้ากับสังคม” ราเมช กล่าวสรุป
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 180 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2561 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.52 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.6 ล้านล้านเยน สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.76 ล้านคันในปี 2561
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com,Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube