ไมเคิล บลูมเบิร์ก มหาเศรษฐีสหรัฐฯ สนับสนุน สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระบุสี “ไม่ใช่เผด็จการ” และพรรคคอมมิวนิสต์ “ฟังเสียงประชาชน” ในประเด็นต่างๆ อย่างเช่นมลพิษทางอากาศ
บลูมเบิร์กแสดงความคิดเห็นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ มาร์เกเรต ฮูเวอร์ พิธีกรรายการ Firing Line ของสถานีโทรทัศน์พีบีเอส ก่อนการประชุมสัมมนาบลูมเบิร์ก นิว อีโคโนมี ฟอรัม ในกรุงปักกิ่ง เดือนพฤศจิกายน เวทีประชุมที่จัดขึ้นมาแข่งกับเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ในดาวอส
เมื่อถูกถามว่าจีนสามารถเป็นพันธมิตรที่ดีในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนได้หรือไม่ บลูมเบิร์กตอบว่า “จีนกำลังทำสิ่งต่างๆ มากมาย”
“ใช่ พวกเขายังคงสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินมากมาย ใช่พวกเขากำลังเผาถ่านหิน แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเคลื่อนย้ายโรงไฟฟ้าออกห่างจากตัวเมือง พรรคคอมมิวนิสต์ต้องการอยู่ในอำนาจในจีนและพวกเขาฟังเสียงประชาชน”
บลูมเบิร์กกล่าวต่อว่า “เมื่อประชาชนบอกว่าฉันหายใจไม่ออก สี จิ้นผิง ไม่ใช่พวกเผด็จการ เขาจำเป็นต้องตอบสนองต่อประชาชนของเขา ไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่สามารถอยู่รอด ปัญหาคือคุณไม่สามารถเคลื่อนย้ายโรงงานปูนและโรงไฟฟ้าไปนอกเมืองที่เต็มไปด้วยมลพิษทางอากาศได้เพียงชั่วข้ามคืน มันจำเป็นต้องใช้เวลา”
ฮูเวอร์ แย้งว่าจีนไม่เป็นประชาธิปไตยและสี ไม่ได้เป็นคำตอบของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง “เขาไม่ได้มาจากการโหวต เขาไม่เป็นประชาธิปไตย เขาไม่ต้องรับผิดชอบผู้มีสิทธิออกเสียง มีการปฏิวัติเพื่อตรวจสอบเขาหรือเปล่า?”
อย่างไรก็ตาม บลูมเบิร์กตอบว่า “คุณไม่จำเป็นต้องมีการปฏิวัติ ไม่มีรัฐบาลไหนหรอกที่อยู่รอดโดยปราศจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน เขาจำเป็นต้องรับใช้ประชาชน”
ทาง ฮูเวอร์ กล่าวโต้ว่า “ฉันมองไปที่ประชาชนในฮ่องกง ประชาชนที่กำลังประท้วงและกำลังสงสัยว่ารัฐบาลจีนแคร์สิ่งที่เขาพูดหรือไม่” ในเรื่องนี้ บลูมเบิร์กบอกว่า “ในรัฐบาลหรือแม้แต่รัฐบาลต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นในสิ่งที่เราเรียกกันว่าประชาธิปไตย ก็ล้วนมีหุ้นส่วนมากมาย พวกเขาล้วนมีส่วนได้เสีย พวกเขามีอิทธิพล”
ความเห็นสนับสนุนสี จิ้นผิง และพรรคคอมมิวนิสต์ของบลูมเบิร์ก มีขึ้น 7 ปี หลังจากสำนักข่าวของเขาเผยแพร่รายงานการสืบสวนเกี่ยวกับการเงินของครอบครัวของสี เมื่อครั้งยังเป็นรองประธานาธิบดี โดยรายงานดังกล่าวถูกเผยแพร่ในช่วงเวลาที่อ่อนไหว ด้วยจีนกำลังดำเนินการเปลี่ยนผ่านผู้นำครั้งละทศวรรษ ที่ได้เห็น สี ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี
รายงานดังกล่าวกระตุ้นให้จีนแบนบลูมเบิร์ก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งกับบริษัทแห่งนี้ค่อยๆ ดีขึ้นหลังผ่านไป 3 ปี.