- Gourmet Market (กูร์เมต์ มาร์เก็ต) วางแผนเปิดสาขาสแตนด์ อะโลน หรือสาขาที่ไม่อยู่ในศูนย์การค้าเดอะมอลล์เพิ่มขึ้น ปีนี้เปิดอีก 2 สาขา ปีถัดไปตั้งเป้าเพิ่มปีละ 5 สาขา
- กลยุทธ์โตนอกห้างฯ ของบริษัทแม่ทำให้ Gourmet Market น่าจะทำรายได้อันดับ 1 ในเครือเมื่อเทียบกับแผนกเทรดดิ้งอื่นๆ
- รายได้บริษัท 2 หมื่นล้านบาท ทรงตัวต่อเนื่อง 2 ปี จากสภาพเศรษฐกิจและการรีโนเวตสาขา ปีหน้าคาดว่ากลับมาโต 7-8% จากการเปิดสาขาใหม่และสาขาที่รีโนเวตกลับมาให้บริการ
- ปี 2563 ทดลองบริการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ของบริษัทเอง จากผลตอบรับของลูกค้าที่ใช้บริการผ่านแอป HappyFresh มียอดสั่งซื้อต่อบิลสูงกว่าลูกค้า walk-in เท่าตัว
- เปิดพฤติกรรมผู้บริโภค เข้าซูเปอร์มาร์เก็ตบ่อยขึ้น นิยมของสดและบริการทำอาหารสด
Gourmet Market (กูร์เมต์ มาร์เก็ต) เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตใน เครือเดอะมอลล์ ที่ปกติแล้วมักจะขยายไปพร้อมกับศูนย์การค้าเมื่อเครือมีการเปิดศูนย์ฯ แห่งใหม่ แต่ระยะหลังเริ่มชิมลางขยายออกไปเปิดนอกศูนย์การค้าในเครือ โดยบริษัทเรียกสาขาเหล่านี้ว่าเป็นกลุ่ม “สแตนด์ อะโลน”
จนถึงสิ้นปีนี้ Gourmet Market จะมีซูเปอร์มาร์เก็ตรูปแบบปกติ 16 สาขา แบ่งเป็นที่อยู่ในศูนย์ฯ ของเดอะมอลล์ 10 สาขา และสแตนด์ อะโลน 6 สาขา คือ เทอร์มินอล 21, เดอะ พรอมมานาด, ซีดีซี, MRT ลาดพร้าว, ดีไซน์ วิลเลจ พุทธมณฑลสาย 2 และ พีเพิล พาร์ค อ่อนนุช ซึ่งสองสาขาหลังนี้จะเปิดบริการภายในเดือนธันวาคม 2562
นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบร้าน Gourmet Thai ที่ขายสินค้านักท่องเที่ยว 2 สาขาที่สนามบินดอนเมืองและโครงการ I’m Chinatown รวมถึงร้าน Gourmet To Go ขายเฉพาะกลุ่มอาหารเครื่องดื่ม 1 สาขาที่ MRT ลาดพร้าว
เพื่อการเติบโตที่เร็วขึ้น กลยุทธ์ของ Gourmet Market หลังจากนี้จึงเน้นเปิดสาขาสแตนด์ อะโลนโดยไม่ต้องรอไปพร้อมกับบริษัทแม่ โดย “ชัยรัตน์ เพชรดากูล” ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า เริ่มตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป Gourmet Market จะเปิดสาขาสแตนด์ อะโลนอย่างน้อยปีละ 5 สาขา ใช้งบลงทุนสาขาใหม่ประมาณสาขาละ 70-80 ล้านบาท เฉพาะปีหน้านี้ มีพื้นที่อยู่ระหว่างตกลงเซ็นสัญญาแล้ว 3 แห่ง ส่วนอีก 2 แห่งยังมองหาพื้นที่เหมาะสมอยู่
“เดอะมอลล์ไม่ได้มีสาขาเยอะ เราไม่สามารถรอเปิดแต่ในศูนย์ฯ ได้” ชัยรัตน์กล่าว โดยชี้ว่าขณะนี้ Gourmet มีมาร์เก็ตแชร์ 2-3% เท่านั้นในตลาดโมเดิร์นเทรดทั้งหมดซึ่งมีมูลค่ารวม 6 แสนล้านบาท หากต้องการเติบโตมากกว่านี้จะต้องไปด้วยตัวเอง
“ยังมีพื้นที่ให้เราลงเยอะมาก ตอนนี้กำลังมองพื้นที่เช่น โรงพยาบาล ออฟฟิศ หรือแหล่งชุมชนใหม่ๆ ที่เติบโตสูง เช่น ย่านนวมินทร์ จุดที่เราไปต้องมีชุมชนหนาแน่นพอสมควร และมีไลฟ์สไตล์ต้องการจับจ่ายซื้อของ” ชัยรัตน์กล่าว ทั้งนี้ เป้าหมายสแตนด์ อะโลนของ Gourmet จะยังอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ เพราะการบุกต่างจังหวัดจะต้องปรับระบบโลจิสติกส์ซึ่งยุ่งยากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทจะมีการปรับร้านที่ใช้แบรนด์ Homefresh Mart มาเป็น Gourmet Market ทั้งหมด ซึ่งได้ทยอยปรับไปบ้างแล้ว เหลือเพียง 2 สาขา คือสาขาเดอะมอลล์ รามคำแหง และท่าพระ ที่จะปรับพร้อมๆ กับการรีโนเวตศูนย์การค้า คาดว่าจะรีโนเวตเสร็จสิ้นในปี 2564
กลุ่มธุรกิจอาหารโตอันดับ 1 ของเครือ
สำหรับยอดขาย Gourmet ปี 2562 ชัยรัตน์คาดว่าจะปิดที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ทรงตัวใกล้เคียงปีก่อนที่มียอดขาย 1.18 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการเปิดสาขาใหม่เกิดขึ้นช่วงปลายปี และสาขาใหญ่อย่างงามวงศ์วานยังอยู่ระหว่างรีโนเวต ทำให้ยอดขายลดลง 1.5% ยอดขายที่ทรงตัวนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และยังมีปัจจัยจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงซึ่งมีผลกับสาขาสยามพารากอนและเทอร์มินอล 21
![ชัยรัตน์-เพชรดากูล-Gourmet-Market](https://positioningmag.com/wp-content/uploads/2019/12/ชัยรัตน์-เพชรดากูล-Gourmet-Market.jpg)
ถึงแม้ยอดขายจะทรงตัว แต่กลุ่มธุรกิจอาหารซึ่งประกอบด้วย Gourmet Market และร้านอาหาร (บูธร้านอาหารต่างๆ ด้านหน้าซูเปอร์มาร์เก็ต) ชัยรัตน์คาดว่าปีนี้จะทำยอดขายได้รวม 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะแซงขึ้นเป็นกลุ่มธุรกิจทำเงินสูงสุดในแผนกเทรดดิ้งของเดอะมอลล์เทียบกับกลุ่มอื่นอีก 2 กลุ่ม คือกลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น ซึ่งเคยสร้างยอดขายอันดับ 1 มาตลอด และกลุ่มร้านค้าเฉพาะสินค้า (Specialty Store) ได้แก่ Power Mall, Sports Mall และ Be Trend
ด้านเป้าหมายยอดขายปี 2563 ชัยรัตน์มองว่า Gourmet น่าจะเติบโต 7-8% จากการเปิด 5 สาขาใหม่ดังกล่าว ส่วนการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (same-store growth) น่าจะอยู่ที่ 2-3%
ปีหน้านำร่องทำระบบสั่งซื้อออนไลน์เอง
การเร่งขยายสาขาให้ครอบคลุมมากขึ้นยังมีประโยชน์กับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ด้วย โดยขณะนี้ Gourmet มีขายสินค้าออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น Happyfresh จัดส่งสินค้าในระยะ 5 กม.รอบสาขา การันตีส่งภายใน 1 ชั่วโมง ทำให้สามารถส่งสินค้าสดได้
![HappyFresh-Gourmet-Market](https://positioningmag.com/wp-content/uploads/2019/12/HappyFresh-Gourmet-Market.jpg)
แต่การจัดส่งผ่าน HappyFresh ทำให้บริษัทเข้าไม่ถึงดาต้าของผู้ซื้อ จะทราบเพียงข้อมูลสินค้าที่จำหน่ายไป โดยพบว่าผู้ซื้อสินค้าออนไลน์จะสั่งซื้อต่อใบเสร็จมูลค่ามากกว่าลูกค้าที่มาที่สาขาเอง (walk-in) เป็นเท่าตัว
- อ่านเพิ่มเติม: ค้าปลีกว่าไง! “ลาซาด้า” เปิด Laz Mart ขายสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต ประเดิมของแห้ง เฟสต่อไปของสด เจาะผู้บริโภคช้อปถี่
ดังนั้นปีหน้า Gourmet จะเริ่มทดลองพัฒนาระบบสั่งสินค้าออนไลน์และมีรถขนส่งของตัวเอง โดยเริ่มทดลองใน 1 สาขาก่อน (ยังไม่ระบุเป็นสาขาใด) เมื่อมีระบบตัวเองแล้วทำให้บริษัทเพิ่มบริการ Click & Collect สั่งสินค้าออนไลน์และเข้ามารับของเองได้ด้วย
“ลูกค้าหลายรายสะดวกมารับของเองที่สาขา สิ่งที่เขาไม่มีคือเวลาเข้ามาเลือกซื้อของมากกว่า” ชัยรัตน์กล่าว
“ของสด” เติบโตดี ลูกค้าเดินซูเปอร์ฯ บ่อยขึ้น
ในแง่พฤติกรรมผู้บริโภคที่สะท้อนมาสู่การจัดสรรสินค้าขายและฟังก์ชันใหม่ๆ ภายในซูเปอร์มาร์เก็ต ชัยรัตน์ฉายภาพกว้างพบว่า ปีนี้ลูกค้าเข้าซูเปอร์ฯ บ่อยขึ้นเฉลี่ย 2.5 ครั้งต่อเดือน เทียบปีก่อนเข้าซูเปอร์ฯ 2 ครั้งต่อเดือน เนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคไม่เหมือนเดิม จากเดิมมาไม่บ่อยแต่ซื้อทีละมากๆ ปรับเป็นการซื้อทีละไม่มาก จะเข้ามาเดินเลือกซื้อเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้
เมื่อเทรนด์ผู้บริโภคเป็นเช่นนี้ Gourmet จึงจัดกลยุทธ์ตอบโจทย์ คือเมื่อลูกค้ามาซูเปอร์ฯ บ่อยแต่มีของจำเป็นต้องซื้อไม่เยอะ ทำให้การวางเลย์เอาท์ซูเปอร์ฯ ต้องทำให้ลูกค้าเพลิดเพลิน ใช้เวลาเดินนานขึ้น (ปัจจุบันอยู่ที่ 30 นาทีต่อครั้ง) เมื่อเดินแล้วอาจเจอสินค้าถูกใจแบบ “รู้ตัวอีกทีก็ตะกร้าเต็ม” ได้ของที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อติดไปด้วย
![](https://positioningmag.com/wp-content/uploads/2019/12/You-Hunt-We-Cook-Gourmet.jpg)
ส่วนการจัดสรรสินค้า “อาหาร” ที่เป็นหมวดชูโรงของ Gourmet บริษัทพบว่าลูกค้า นิยมซื้อของสด มากกว่าอาหารที่เก็บได้นาน เช่น เครื่องกระป๋อง อาหารแช่แข็ง เพราะใส่ใจสุขภาพและรสชาติมากขึ้น ทำให้สัดส่วนสินค้าปรับตัวตามจนมีของสด 60% และของแห้ง 40% และเป็นสินค้ารับประทานได้ 80% ของใช้เหลือเพียง 20% เท่านั้น
รวมถึงในสาขาใหญ่ 7 สาขาจะมีแผนก You Hunt We Cook ลูกค้าสามารถเลือกของสดแล้วสั่งเชฟทำอาหารให้ทันที จะรับประทานที่ร้านหรือห่อกลับบ้านก็ได้ เพราะ Gourmet มีวัตถุดิบพรีเมียมหลายอย่างซึ่งลูกค้าอาจไม่สะดวกจัดการเอง ชัยรัตน์กล่าวว่า กลยุทธ์นี้ทำให้หมวดอาหารทะเลและหมวดเนื้อสัตว์เติบโตเป็นเท่าตัว
ทั้งหมดนี้ส่งให้ Gourmet ยังมียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 570-580 บาทต่อใบเสร็จ แม้ลูกค้าจะเข้าซูเปอร์ฯ บ่อยขึ้นก็ตาม