ยูโอบีและเดอะฟินแล็บ กับบทบาทพี่เลี้ยงSMEsไทยให้พร้อมเดินหน้าธุรกิจในยุคดิจิทัล ด้วยโครงการ Smart Business Transformation

จากความมุ่งมั่นและตั้งใจที่เต็มเปี่ยมของ SMEs ไทยทั้ง 15 องค์กรที่ต้องการปรับเปลี่ยนให้เท่าทันการแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิทัล ทำให้พวกเขาเดินหน้าเข้าร่วมโครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการSmart Business Transformationที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยโดยธนาคารยูโอบี (ไทย) และเดอะฟินแล็บด้วยการเปิดใจที่จะเรียนรู้ทดลองสิ่งใหม่พร้อมความทุ่มเทเต็มที่ทั้งเวลาและกำลังคน ตลอดระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เริ่มต้นจนจบโครงการเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ธนาคารยูโอบี (ไทย) และเดอะฟินแล็บสวมบทบาทเป็นพี่เลี้ยง ให้คำแนะนำแก่ SMEs แปลงเปลี่ยนจากความไม่รู้และความไม่ชัดเจนในโจทย์ของธุรกิจ รู้แต่ว่าต้องการเพิ่มยอดขายด้วยดิจิทัลเพื่อรุกตลาดใหม่ๆเป็นโมเดลธุรกิจและโซลูชันที่ช่วยแก้ pain points และตอบโจทย์ ซึ่งเห็นผลลัพธ์เชิงบวกที่สำคัญในเรื่องประสิทธิภาพการทำธุรกิจที่ดีขึ้น ต้นทุนต่างๆลดลงที่สำคัญทัศนคติและความคิดดิจิทัลได้เกิดขึ้นในองค์กร

เส้นทางลัดสู่ธุรกิจดิจิทัล

คุณชนกพร ศิระนานนท์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ บริษัท เอ็ม.ซี.ซี. 4×4 แอคเซสซอรี่กล่าวว่าภายหลังเข้าร่วมโครงการ  เรามีความมั่นใจมากขึ้นในการขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัวของเรา ว่าจะสามารถเติบโตรับยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้ ขณะนี้ เราได้มีการประเมินและทดลองใช้ โซลูชันต่างๆ เพื่อมาปรับปรุงระบบหลังบ้านเพื่อให้การทำงานกับบริษัทคู่ค้าต่างๆ ได้เร็วขึ้น  ตอบโจทย์ธุรกิจ B2B2C เพิ่มความคล่องตัวในการสร้างระบบการทำงาน ระหว่างบริษัท และคู่ค้า รวมถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว สามารถค้นหาดีลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดเร็วขึ้นกว่าเดิม และเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้นถึง 25%

และในกลุ่มของการบริหารจัดการ B2B2C  นั้น บริษัททวีโชค พาณิช ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กที่ผ่านการรับรอง พร้อมบริการผลิตตามสั่ง อาทิ การตัดตามความยาว การตัดขึ้นรูป และการบีบอัดพบความสำเร็จในการบริหารจัดการครอบคลุมไปยังผู้จัดจำหน่าย ผู้ค้าปลีก และผู้ซื้อ ด้วยการนำโซลูชันBoostorderมาใช้เชื่อมโยงคู่ค้า และซัพพลายเออร์เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างกระบวนการเชื่อมโยงในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก รวมถึงการทำธุรกิจทางดิจิทัลร่วมกับคู่ค้าอื่นๆในกลุ่มธุรกิจเหล็กได้อย่างดี เช่นเดียวกับ

คิงด้อม ออร์แกนิค เนทเวิร์ค ผู้จัดจำหน่ายอาหารออร์แกนิกและผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ของตนเองสำหรับผู้บริโภค นอกจากการยืดอายุสินค้าบนชั้นวาง  ยังต้องการพัฒนาระบบรวมศูนย์สำหรับเครือข่ายเกษตรกร ออร์แกนิก เพื่อการป้อนข้อมูลและบริหารขั้นตอนในตารางการผลิตเพื่อให้เกิดการวางแผนการขนส่งที่ดียิ่งขึ้นโดยการใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงกระบวนการบริหารฟาร์มด้วยตัวเองพร้อมกับการสร้างเครือข่ายสำหรับผู้ทำฟาร์มโดยมีความคาดหวังว่าจะช่วยให้อย่างน้อย 10 ฟาร์มมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นมีแผนที่จะสร้างแพลตฟอร์มบนบล็อคเชนซึ่งจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ การเชื่อมต่อ และติดตามผลการขายได้

ไปได้ไกลทำได้เร็ว

นอกจากนี้เมื่อเจาะไปที่ ภาพของการจัดการด้านการตลาดของSMEs ในโครงการ นั้น สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน และน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับ SMEsกลุ่มอื่นที่ยังไม่กล้าลงมือทำได้เร่งการตัดสินใจได้เร็วขึ้น อีธอสกรุ๊ปได้ริเริ่มธุรกิจใหม่ขึ้นเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้สำหรับผิวกายขึ้นภายใต้แบรนด์ “ทรีฮัท ไทยแลนด์” และประเมินว่าด้วยเครื่องมือดิจิทัลนี้ จะลดเวลาในการค้นหาผู้มีอิทธิพลทางการตลาดรายเล็กลงได้ถึง 80%

นอกจากนี้อีก 2 องค์กร SMEs  ประกอบด้วย นครราชสีมา ฮอนด้า  ออโตโมบิล ยานยนต์  เป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซีดานฮอนด้ารุ่นใหม่ในจังหวัดนครราชสีมา และแกรนด์ฟูดโปรเซสซิ่งผู้ผลิตน้ำผลไม้สดจากผลไม้เขตร้อน ที่ใช้การนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยระบบออนไลน์โซลูชันมาปรับในกระบวนการนำเสนอ คาดการณ์ว่าจะทำให้ลดเวลาในการสร้างวีดีโอลงได้ถึง  50% ทำให้ไปใช้เวลาในการโฟกัสกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

ก้าวที่กล้า ก้าวที่แกร่ง

จากการจัดการที่ทำได้จริง ผสานกับความมั่นใจของ เจ้าของธุรกิจและผู้บริหารเอสเอ็มอีในโครงการ Smart Business Transformation นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์สปอร์ต จำกัด  กล่าวถึงการทำงานร่วมกับ Boostorder และ Anchanto เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มการขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่สามารถเชื่อมลูกค้าไปสู่ร้านว่า “ในฐานะผู้ค้าส่งและค้าปลีกเครื่องแต่งกายกีฬา Warrix มุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่คนใช้และรู้จักทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการ Smart Business Transformation ช่วยให้บริษัทพัฒนาโครงสร้างการบริหารและปรับขยายขนาดธุรกิจ ซึ่งเพียง 3 เดือนหลังจากดำเนินการเราสามารถบรรลุเป้าการเติบโตยอดขายประจำเดือนที่สูงขึ้นถึง 270% และเราคาดว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้น 400% ภายในสิ้นปีนี้ และ ตอนนี้เรายังมั่นใจมากขึ้นในแผนการขยายธุรกิจไปสู่ประเทศอื่นๆ ด้วยแพลตฟอร์มการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งประเทศแรกที่เราตั้งใจไว้ คือประเทศอินโดนีเซียเราเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายที่มั่นคงและแข็งแกร่งของธนาคารยูโอบีในประเทศอินโดนีเซีย”

ขณะเดียวกันการเพิ่มช่องทางใหม่ในการขาย ด้วยเครื่องมือดิจิทัลและโซลูชันที่มีความพร้อมในการใช้งานยังช่วยให้อีก 7 SMEs ที่อยู่ภายในโครงการก้าวเดินไปข้างหน้าในธุรกิจของตนเองได้อย่างยั่งยืน ความเห็นของผลสำเร็จเชิงบวกของเอลิทเทิลลัลลาบายเจ้าของผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่ผลิตจากเยื่อไผ่ภายใต้แบรนด์Nappi Babyคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายในช่องทางออนไลน์ที่เติบโตได้ถึง 300% นางเณริศา อิสรางกูร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ ลิทเทิลลัลลาบาย กล่าวว่าหนึ่งในความท้าทายสำคัญ คือ การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และคำตอบของ Nappi Baby หลังจากเข้าร่วมโครงการชัดเจนขึ้นมากด้วยเครื่องมือดิจิทัลใช้ Offeoสร้างสรรค์วิดีโอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กบนสื่อโซเชียลทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้นถึง 20% และเป้าหมายขยายตลาดสู่ประเทศจีนเป็นความมุ่งมั่นใหม่ที่ท้าทายแต่ด้วยคำแนะนำและเครือข่ายของธนาคารยูโอบี และเดอะฟินแล็บโดยการทำงานร่วมกับบริษัทVerihubในประเทศสิงคโปร์ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่าการก้าวไปสู่ในตลาดใหม่ๆในภูมิภาคจะทำได้อย่างดี มีระบบ”

ออลเวย์เวเคชั่นธุรกิจท่องเที่ยว ใช้โซลูชันในการสร้างแถบเครื่องมือวิดเจ็ตบนเว็บไซต์เพื่อเพิ่มการจัดการและชักชวนลูกค้าและเปลี่ยนไปสู่การขายสามารถจองคิวเพื่อโทรกลับหรือนัดหมายออนไลน์ได้โดยคาดว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 20%ด้านนางพฤทธิดาศรีสันติสุขกรรมการผู้จัดการบริษัทอาร์ทตี้กรุ๊ปส์จำกัดภายใต้แบรนด์อาร์ทตี้ออกแบบและผลิตเครื่องประดับระดับพรีเมี่ยมได้ใช้โซลูชันเพื่อการวางแผนบริหารทรัพยากร ซึ่งประหยัดเวลาในการจัดการสินค้าและบริหารสินค้าคงคลังได้ถึง80%จากเดิมใช้เวลาในการเช็คสต็อก1สัปดาห์ แต่เมื่อนำโซลูชัน BizSmartมาใช้งาน สามารถเช็คสต๊อกสินค้าแล้วเสร็จภายในระยะเวลาเพียง 2ชั่วโมง ขณะที่ อีซี่แพ็คออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์เกรดอาหารและยา วางแผนที่จะนำโซลูชันโนโวคอลคลิกเพื่อตอบกลับ มาใช้เพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงผู้เข้าชมเว็บให้กลายเป็นลูกค้าโดยคาดว่าจะใช้เวลาการคุยกับลูกค้าลดลง 90%

ฮาโลอินโนเวชั่น นำระบบการสินค้าคงคลังมาใช้ในการบริหารคลังสินค้า สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ 40% เอ็มเอสเอสไตล์ลิสส์ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่นทางออนไลน์ ใช้โซลูชันเพื่อการบริหารร้านค้าทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารร้านค้าและรวบรวมสินค้าจาก 20ร้าน ได้ดีขึ้น 10%ขณะที่ออกานิก้าเฮ้าส์ผลิตภัณฑ์สปาและอโรมาเธอราพี ใช้โซลูชันเพื่อการสร้างวิดีโอเพื่อดึงดูดลูกค้าในตลาดโซเชียลโอเรียนสตาร์อินเตอร์เนชั่นแนลโลจีสติคส์ธุรกิจโลจิสติคส์/ ขนส่ง นำโซลูชันมาใช้เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดเวลาลง30%ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลดำเนินการได้รวดเร็วมากขึ้น

รับมือยุคดิจิทัล เปลี่ยนรูปแบบ วิธีการ เพื่อความยั่งยืน

จากผลสำรวจพบว่าเอสเอ็มอีในประเทศไทยระบุว่า กลยุทธ์สร้างการเติบโต2 อันดับแรก คือการรุกตลาดใหม่ (ร้อยละ54) และการทำการตลาดดิจิทัลเพื่อเพิ่มยอดขาย (ร้อยละ51) ถือเป็นความมุ่งมั่นที่ชัดเจน และด้วยเครื่องมือดิจิทัลใหม่ๆ จากการสนับสนุนของ ยูโอบีและเดอะฟินแล็ป จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน มียอดขายที่สูงขึ้นลดต้นทุนการตลาดเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ยอมรับปรับตัวเองและองค์กรให้ไปสู่ดิจิทัล และมีแรงบันดาลใจในการรุกตลาดใหม่ และขยายธุรกิจออกไปสู่ตลาดต่างประเทศอีกด้วย

คุณปิยพร รัตน์ประสาทพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือข่ายสาขาและบริการดิจิทัล ธนาคารยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า “ยูโอบี มีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะช่วยติดอาวุธและทักษะเอสเอ็มอีไทย ให้สามารถเติบโตได้ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลผ่านโครงการ Smart Business Transformation ที่ได้ดำเนินการร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะเป็น เดอะ ฟินแล็บ,depa ,สวทช. และ สสว. และเชื่อว่าผู้ประกอบการจะได้รับความรู้และทักษะดิจิทัลที่จำเป็น รวมถึงเครื่องมือต่างๆ ที่จะสนับสนุนให้ธุรกิจได้เติบโตได้ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านเครือข่ายที่มั่นคงและครอบคลุมทั่วภูมิภาคของกลุ่มธนาคารยูโอบีที่จะช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ได้อย่างดียิ่ง”

นายเฟลิกซ์ ตัน หัวหน้ากลุ่มงานร่วม เดอะฟินแล็บ กล่าวว่า“เรารู้สึกภูมิใจกับเอสเอ็มอีทั้ง 15 บริษัทที่เข้าร่วมโครงการ Smart Business Transformation ในประเทศไทยอย่างมาก เพราะแม้โครงการ 3 เดือนจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่เรายังเห็นแรงผลักดันและความมุ่งมั่นปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจของพวกเขายังคงเดินหน้าต่อไป หลายบริษัทกำลังใช้ดิจิทัลโซลูชันที่เขาได้จับคู่ทดลองใช้ซึ่งพวกเขากำลังเห็นผลลัพธ์ในเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็นยอดขายและจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำธุรกิจ ด้วยความร่วมมือของพันธมิตรทุกรายในโครงการ ในการปรับสู่องค์กรดิจิทัล และยกระดับธุรกิจไปสู่สากลต่อไป”

ผ่านพ้นไปแล้วกับก้าวสำคัญครั้งแรกของ โครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการ Smart Business Transformation โดยการสนับสนุนของธนาคารยูโอบี (ไทย) พร้อมองค์กรพันธมิตรในการขับเคลื่อนโครงการได้แก่ เดอะฟินแล็บสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ฝากบอกถึง SMEs ไทยที่รอเข้าร่วมโครงการ ที่ตั้งใจปรับเปลี่ยนเพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ธุรกิจดิจิทัล สามารถเข้าไปติดตามกิจกรรมโครงการได้ที่ https://thefinlab.com/thailand-event/พบกันกุมภาพันธ์ นี้เตรียมตัวกันให้พร้อมได้เลย ….