Photo : Shutterstock
เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตได้อย่างน่าประทับใจที่ 7% ในปีนี้ เกินกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ ในขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ความขัดแย้งระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งลากยาวมานานกว่า 18 เดือน ที่ทั้งสองฝ่ายได้กำหนดกำแพงภาษีตอบโต้กันไปมากับสินค้าหลายแสนล้านดอลลาร์
แต่การส่งออกของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ กลับก้าวกระโดด ซึ่งส่งผลให้หลายธุรกิจย้ายฐานจากจีนมาที่นี่ ด้วยมองว่าเวียดนามเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ปลอดภัยและราคาถูกกว่า แต่นักวิเคราะห์เตือนว่ากำไรระยะสั้นสำหรับประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม อาจลดลงได้หากความขัดแย้งนี้ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป
สำหรับจีดีพีปี 2562 นั้นเกินกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์กำหนดไว้จาก 6.8% มาอยู่ที่ 7.02% โดยมูลค่าทางการค้าของเวียดนามมีมูลค่าสูงถึง 517,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นผลงานที่น่าประทับใจท่ามกลางบริบทของเศรษฐกิจโลกที่เติบโตชะลอตัวลง และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ย่ำแย่ลง
อย่างไรก็ตาม รายงานของธนาคารโลกระบุว่า แม้เศรษฐกิจของเวียดนามจะเติบโต แต่พบว่าอัตราการส่งออกลดลงจาก 21% ในปี 2560 เหลือ 8% ในปี 2562
ด้านนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า การชะลอตัวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเวียดนามไม่รอดพ้นจากผลกระทบของปัจจัยภายนอกต่อเส้นทางการพัฒนาของประเทศที่จำกัดอยู่กับสินค้าในอุตสาหกรรมการผลิต
“มันไม่ได้ปรับปรุงในแง่ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” โต๋ จึง แถ่ง ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งชาติกรุงฮานอย กล่าว และเสริมว่าเวียดนามจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิตัลมากยิ่งขึ้นด้วยการส่งเสริมคุณภาพของแรงงานเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
เวียดนาม หนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วที่สุดของภูมิภาคเอเชียในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การเติบโตของเวียดนามส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนด้วยการส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าที่ผลิตในราคาถูกไปจนถึงสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงเช่นโทรศัพท์ซัมซุงและโปรเซสเซอร์คอมพิวเตอร์อินเทล
เมื่อไม่นานนี้ เวียดนามยังได้ลงนามข้อตกลงเสรีการค้ากับสหภาพยุโรป ข้อตกลงที่จะปรับลดอัตราภาษีกับสินค้าเกือบทุกประเภท และเมื่อเวียดนามเข้าสู่ทศวรรษใหม่ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีกับการค้าและการลงทุน