ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สั่งของเเล้วอยากได้ “เดี๋ยวนี้” ไม่อยากรอเเละไม่อยากลุ้น (ว่าสินค้าจะดีจริงไหม) ล่าสุดธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้รักการช้อปปิ้งออนไลน์ ด้วยบริการใหม่ “EASY Mall” บน SCB EASY ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ให้การซื้อของเป็นเรื่องง่ายเเละปลอดภัย ด้วยฟังก์ชั่นเพย์เมนต์จ่ายดีผ่อนสะดวกกับ “SCB PayWise”
พร้อมผลักดันระบบนิเวศด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์ จับมือพันธมิตร J.I.B. ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีชั้นนำของไทย บุกตลาด E-Marketplace เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เสริมทางเลือกหลากหลายให้ผู้บริโภค
เจาะตลาดช้อปปิ้ง 24 ชั่วโมง
สีหนาท ล่ำซำ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Payment Product Solution and Management ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เป้าหมายของ SCB คือการทำให้ธนาคารกลายเป็น Platform Banking ด้วยการท้าทายขีดความสามารถใหม่ๆ พัฒนารูปแบบการให้บริการลูกค้า ให้หลากหลายเเละตอบโจทย์ทุกความต้องการทางการเงินและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันจึงมีการปรับโมเดลธุรกิจเเละการหาพันธมิตรใหม่อยู่ตลอดเวลา
“พฤติกรรมผู้บริโภคทุกวันนี้ที่น่าสนใจมาก คือการช้อปปิ้งออนไลน์ส่วนใหญ่ทำผ่านมือถือ ต้องเสิร์ชหาข้อมูลเเละเทียบราคาระหว่างร้านกันก่อน SCB มองเห็นโอกาสเเละพยายามจะช่วยสร้าง New Ecosystem ซึ่งเรามีฐานลูกค้าที่มั่นคงอยู่เเล้ว ด้วยผู้ใช้แอปพลิเคชัน SCB EASY มีมากถึง 10 ล้านคน นั่นหมายถึงพลังการซื้อมหาศาล จึงเป็นที่มาของการทำเเพลตฟอร์มช้อปปิ้ง 24 ชั่วโมงอย่าง EASY Mall ขึ้นมา เพื่อสร้างความสะดวกให้ลูกค้า โดยจับจุดคนที่อยากซื้อเเละคนที่พร้อมขายเข้ามาไว้ในที่เดียว”
สีหนาท ล่ำซำ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Payment Product Solution and Management ธนาคารไทยพาณิชย์
สำหรับภาพรวมการให้บริการแก่ลูกค้าผ่าน SCB EASY ในปัจจุบัน หลังจากธนาคารได้พัฒนาโมบายแบงก์กิ้งแอปพลิเคชันโฉมใหม่เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมานั้น ทำให้ยอดผู้ใช้งานและธุรกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผู้ใช้งาน 5.3 ล้านคนในปี 2560 เพิ่มเป็น 8.4 ล้านคนในปี 2561 และล่าสุดข้อมูล ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2562 แตะที่ระดับ 10.35 ล้านคน คิดเป็น 63% ของลูกค้าธนาคาร 16.36 ล้านราย โดยในปี 2020 ตั้งเป้ายอดผู้ใช้งานไว้ที่ 12 ล้านราย ขณะที่ปริมาณธุรกรรมเติบโตแบบก้าวกระโดด จาก 233 ล้านรายการในปี2560 เพิ่มเป็น 712 ล้านรายการในปี 2561 คิดเป็น 205% และสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2562 มีปริมาณธุรกรรมแตะที่ระดับ 1,200 ล้านรายการ
ครบทุกไลฟ์สไตล์ EASY Mall ลงสนามดิจิทัลคอมเมิร์ซไทย
“เราไม่ได้เเข่งกับใคร เพราะเราไม่ได้ไปสร้างตลาดใหม่ ด้วยฐานผู้ใช้เดิมอยู่เเล้วกว่า 10 ล้านราย จุดประสงค์หลักของ EASY Mall คือการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าของ SCB ซึ่งธนาคารจะไม่ทำหน้าที่เเค่ โอน จ่าย ซื้อเท่านั้น เเต่จะมีโมเมนต์อื่นๆ มากมายให้ลูกค้าได้ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เเละหนึ่งในนั้นคือการซื้อของ โดย SCB เเทบไม่ได้เข้าไปตีตลาด E- MarketPlace เจ้าอื่นเลยเเต่จะมุ่งพัฒนาให้ลูกค้ามีชีวิตที่ง่ายขึ้น มีทางเลือกในการซื้อมากขึ้น เเล้วเสร็จในเเพลตฟอร์มเดียว”
ผู้บริหาร SCB กล่าวถึงความท้าทายของการลงสู่สนาม E-MarketPlace ในไทยที่กำลังมีการเเข่งขันอย่างดุเดือดจากยักษ์ใหญ่ต่างชาติทั้งช้อปปี้เเละลาซาด้า
เเละเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคดิจิทัลที่ต้องการทุกอย่าง “เดี๋ยวนี้” ทำให้ธนาคารพัฒนาแพลตฟอร์ม “EASY Mall” ให้ลูกค้าช้อปปิ้งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง ประเดิมเปิดขายผลิตภัณฑ์จากร้าน J.I.B. ผู้จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไอทีชั้นนำของไทย ผ่านทาง “EASY Mall” บนแอปพลิเคชัน SCB EASY ก่อนขยายฐานและเพิ่มจำนวนร้านค้าชั้นนำที่เข้าร่วม “EASY Mall” ในอนาคต คาดว่าภายในปี 2020 จะมีร้านค้าชั้นนำเข้าร่วมกว่า 6 ราย
“ใน EASY Mall จะมีหมวดหมู่ที่เเตกต่างกัน ซึ่งเราจะเลือกร้านค้าที่เป็นเบอร์หนึ่งในเเต่ละตลาดขึ้นมา เเบ่งเป็นกลุ่มไอที เเฟชั่น อาหาร รีเทลค้าปลีก รถยนต์ กีฬาเเละความบันเทิง อย่างบัตรคอนเสิร์ต โดยจะพยายามจะทำให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ของคนทั่วไปมากที่สุด” โดยย้ำว่าสินค้าที่จะมาขายบน EASY Mall จะต้องมีคุณภาพ เชื่อถือได้ หายากหรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจะเเตกต่างกับ E-Market Place เจ้าอื่นในตลาดปัจจุบัน
สำหรับภาพรวมของตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ในเมืองไทยนั้น พบว่า มีการช้อปปิ้งผ่านมือถือมากกว่า 99% ใช้มือถือหาข้อมูลก่อนซื้อราว 77 % เเละกว่า 56 % เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ ขณะเดียวกันคนไทยใช้เวลาท่องอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยคนละ 10.5 ชั่วโมงต่อวัน
ด้านการซื้อของออนไลน์นั้น พบว่ากว่า 40% ซื้อของผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ อย่างเฟซบุ๊ก ไลน์เเละอินสตาเเกรม ตามมาด้วย 35 % จาก E-MarketPlace อย่าง ช้อปปี้ ลาซาด้าเเละ JD.CO.TH จากนั้นเป็น 25 % จาก E-Tailers เเละเจ้าของเเบรนด์เองอย่าง เทสโก้ เซนทรัล บิ๊กซีเเละ J.I.B. เป็นต้น
SCB x J.I.B. ส่งไว รับเทรนด์ซื้อของออนไลน์โต
ด้าน สมยศ เชาวลิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด หรือ J.I.B. กล่าวถึงการเติบโตของการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของเเบรนด์ว่า หลังจากได้เปิดอีคอมเมิร์ซของตัวเองขึ้นมา เมื่อ 5 ปีก่อนพบว่ามีการเติบโตสูงมาก มียอดสั่งซื้อทั้งกลางวันเเละกลางคืน โดยเฉพาะกลางคืนจะเยอะเป็นพิเศษซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ J.I.B. เปลี่ยนมาขายตลอด 24 ชั่วโมง
“J.I.B. เองก็มีการค้าบน E- MarketPlace อย่างช้อปปี้เเละลาซาด้าด้วย เเต่กลับพบว่าบนเว็บเราเองมียอดมากกว่าที่สัดส่วน 87% ซึ่งเดือนหนึ่งจะมียอดสั่งซื้อราว 12,500 ออเดอร์ คิดเป็นยอดเงินในการขายทางออนไลน์ได้ประมาณ 100 ล้านบาท”
สมยศ เชาวลิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด
โดย J.I.B. ยังครองความเป็นเจ้าตลาดในสินค้าไอที Hi- End ทั้งโน๊ตบุ๊กสเปกสูงสำหรับสายเกมเมอร์เเละคนที่ใช้ทำงานเพื่ออาชีพอย่างตัดต่อเเละกราฟฟิก รวมไปถึงเกมมิ่งเกียร์ โดยตลาด Hi- End เมื่อเทียบกับทั่วประเทศเเล้วมีมาร์เก็ตเเชร์ราว 60%
ด้วยพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายไอทีพบว่า ลูกค้าเมื่อมีความอยากได้ ต้องเป็นตอนนี้เเละเดี๋ยวนี้ จึงต้องปรับกลยุทธ์ให้จัดส่งในกรุงเทพเเละปริมณฑลได้ภายใน 3 ชั่วโมง เเละเปิดบริการส่งตลอด 24 ชั่วโมง เช่นถ้าสั่งของช่วงเวลาตีหนึ่งจะได้ภายในตีสี่ พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีเเละหุ่นยนต์เข้ามาช่วยในการจัดส่งของ เเละมีเเผนการที่จะย้ายโกดังสินค้ามาตั้งในใจกลางเมือง
สำหรับยอดขายรวมของ J.I.B. นั้นจะมีประมาณ 800 ล้านบาทต่อเดือน เเยกเป็นหน้าร้าน 700 ล้านบาทเเละทางออนไลน์ 100 ล้านบาท โดยตลอดทั้งมียอดขายรวมทุกช่องทางราว 9,500 ล้านบาทต่อปี
“จากที่เราได้พูดคุยกับทาง SCB เห็นว่ามีฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านคน นับเป็นโอกาสอันดีของเราที่จะเข้าไปเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า ทั้งเรื่องการชำระเงินง่ายขึ้น การจัดส่งของให้เร็วขึ้น ซึ่งช่วงเปิดตัว J.I.B. จะมีโปรโมชั่นให้ลูกค้าที่สั่งซื้อผ่าน EASY Mall ด้วย อย่างการใช้บัตรเครดิตของ SCB ผ่อนได้ 0% 10 เดือน เเละโปรโมชั่นพิเศษจัดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ ในช่วง 3 เดือนเเรกหลังเปิดตัว”
ทั้งนี้ การขายสินค้าผ่านช่องทางของ J.I.B. ปีนี้มีการเติบโต 27% เมื่อเทียบกับปีที่เเล้ว เเละคาดปีหน้าว่าจะโตขึ้นไปอีก อย่างต่ำต้องมี 25% ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อออนไลน์มากขึ้น
ผู้บริหาร J.I.B. มองว่าอุตสาหกรรมด้านการเงินและธนาคารเป็นจุดศูนย์กลางของผู้บริโภค เนื่องจากกิจกรรมส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวันย่อมต้องมีธุรกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอีคอมเมิร์ซ และแพลตฟอร์มของทาง J.I.B. เอง ก็เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางการเงิน
ดังนั้น SCB จึงเป็นพันธมิตรที่สามารถเข้ามาเติมเต็มการดำเนินธุรกิจของ J.I.B. ได้เป็นอย่างดี ด้วยความชำนาญในด้าน Banking and Payment Technology อีกทั้งยังเป็นธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ทำให้มีความเข้าใจในกลุ่มผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งเเละมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง
จ่ายง่าย ผ่อนสะดวก กับ SCB PayWise
ล่าสุดกับ SCB PayWise ระบบรับชำระเงินช่องทางใหม่สำหรับร้านค้าออนไลน์ ที่สามารถชำระเงินได้ทั้งการตัดบัญชีออมทรัพย์ ชำระผ่านทางบัตรเครดิตแบบเต็มจำนวนหรือแบบผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิต และบัตร Speedy Cash ซึ่งเป็นการช่วยให้การใช้ชีวิตของลูกค้าสะดวกสบาย มีทางเลือก และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
“ยกตัวอย่างกลุ่มลูกค้าเจน Z จะซื้ออุปกรณ์เกมเมอร์ที่มีราคาเเพง เช่น ซื้อเมาส์ตัวละหมื่นบาท โดยรูปแบบการซื้อจะเเตกต่างจากการซื้อของทั่วไป เราจะทำอย่างไรให้การซื้อของที่ต้องใช้เงินเยอะพอสมควร ให้จ่ายได้ง่าย ปลอดภัย จึงเกิดฟังก์ชั่น SCB PayWise ขึ้นมาเป็น 2 รูปเเบบของเพย์เมนต์”
ผู้บริหาร SCB อธิบายต่อว่า เเต่เดิมจะซื้อของหรือชำระเงินอะไรบางอย่าง ต้องผ่านบัญชีเท่านั้น ต้องมีเงินในบัญชีภายใต้โมบายเเบงก์กิ้ง ตัดผ่านบัญชีเท่านั้น เเต่ PlayWise ทำได้มากกว่าคือ 1)การตัดเงินผ่านบัญชี 2) ตัดบัตรเครดิต หรือบัตร Speedy Cash ได้
“ถ้าผมเข้าเเอปฯ SCB EASY หรือเว็บของ J.I.B. เพื่อซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง กดไปถึงขั้นตอนจ่ายเงิน ก็จะมีให้ตัดเงินในบัญชีหรือบัตรเครดิต (ของ SCB เท่านั้น) เเต่หากคุณมีเงินไม่พอ คุณเลือกเเบ่งจ่ายได้ สามารถจัดการค่าใช้จ่ายต่อเดือนได้ อย่างเเบ่งเป็นผ่อนจ่าย 0% ภายใน 10 เดือน ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เราทำไว้กับบัตรเครดิตของตนเอง หรือในอนาคตก็สามารถขอสินเชื่อออนไลน์เพื่อซื้อสินค้าได้ทันที”
โดยในอนาคต SCB PlayWise จะเข้าไปเป็นปลั๊กอินเข้าไปอยู่ในเเอปฯ หรือเว็บไซต์ร้านค้าต่างๆ อย่าง J.I.B. รวมไปถึงเว็บไซต์ที่ขายตั๋วเครื่องบิน ตั๋วคอนเสิร์ต หรืออะไรก็ตามที่เป็น E-merchant ต่างๆ ให้ลูกค้าของ SCB เลือกได้เลยว่าจะให้ตัดบัญชี ตัดบัตรเครดิต เเบ่งจ่ายรายเดือน เป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทุกช่องทางการใช้ชีวิต