ไขความลับ "Android"

เมื่อโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ของบิ๊กเสิร์ชเอ็นจิ้นชื่อก้องอย่าง Google เริ่มทยอยออกวางตลาด แถมยังมีทั้งแบรนด์ดังต่างชาติอย่าง Samsung, HTC, Motorola และ LG รวมถึงแบรนด์ท้องถิ่นไทยบ้านเราอย่าง i-mobile และ WellcoM ก็ร่วมพาเหรด คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยคือจะเลือก Android Phone รุ่นไหนดี

ทำไมต้อง Android

Android นั้นเป็นระบบปฏิบัติการที่ Google พัฒนาขึ้นมาเพื่อสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เคลื่อนที่ยุคหน้า โดยใช้แฟลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุดในการส่งคอนเทนต์ออนไลน์ทั้งที่เป็นและไม่เป็นของ Google สู่มือผู้บริโภค
Android ถูกพัฒนามาจากซอฟต์แวร์มาตรฐานเปิดอย่างลีนุกซ์ (Linux) ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นหลากหลายจากนักพัฒนาได้ไม่ต่างจาก iPhone แต่ตัวฮาร์ดแวร์เครื่องจะมีราคา ถูกกว่า เนื่องจากระบบเปิดทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า

เวอร์ชั่น-แรม-จอภาพ-กล้อง ตรวจให้ดี

“สุกรี พัฒนภิรมย์” นักวิจัย เจ้าของฉายาเจ้าพ่อทวิตเตอร์ ซึ่งคลุกคลีกับ Android มานานปีให้ความเห็นว่า Android Phone แต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกันเล็กน้อยตามเวอร์ชั่นของ Android ซึ่งมีตั้งแต่ 1.5 1.6 2.0 และล่าสุดคือ 2.1 Android เวอร์ชั่นยุคแรกๆ จะมีข้อจำกัดในการรันโปรแกรมใหม่ๆ ไม่ได้ ซึ่งแม้ว่าแต่ละค่ายจะมีนโยบายเปิดให้อัพเดตเวอร์ชั่น Android อยู่แล้ว แต่ก็ต้องรอจนกว่าแบรนด์นั้นๆ จะพัฒนาแล้วปล่อยให้อัพเดต

ยกตัวอย่างเช่น HTC Hero ผู้ใช้จะสามารถอัพเดตจากเวอร์ชั่น 1.6 เป็น 2.1 ได้ก็เมื่อ HTC ปล่อยอัพเดตในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา (ในต่างประเทศ)

การตรวจสอบฮาร์ดแวร์เครื่องในแต่ละรุ่น จุดนี้ Android Phone ราคาต่ำบางรุ่นอาจจะรันบางโปรแกรมไม่ได้เพราะหน่วยความจำไม่พอ หรืออาจทำงานติดๆ ขัดๆ

อีกประเด็นที่ต้องระวังคือเรื่องกล้องดิจิตอลใน Android Phone ควรพิจารณาเป็นพิเศษมี 2 จุด นั่นคือ Autofocus หรือการจับโฟกัสภาพอัตโนมัติ และ Flash หรือการติดไฟแฟลชเพื่อช่วยเพิ่มแสงให้ภาพถ่าย เนื่องจากทั้งคู่มีผลกระทบอย่างมากในการใช้แอพพลิเคชั่นประเภท Barcode Scanner หรือแอพพลิเคชั่นสแกนรหัสแท่งบาร์โค้ดเพื่อรับข้อมูลสินค้าและบริการเพิ่มเติมทางอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ

Android Phone รุ่นประหยัดอาจจะมี Autofocus แต่ไม่มี Flash หรืออาจไม่มีทั้ง 2 คุณสมบัติ ซึ่งหากไม่มี Autofocus Android Phone รุ่นนั้นๆ อาจมีปัญหากับการสแกน Barcode ที่มีขนาดเล็ก

อีกฮาร์ดแวร์สำคัญที่ต้องพิจารณาคือจอภาพ Android Phone รุ่นประหยัดมักมาพร้อมจอ Resistive ซึ่งทำงานโดยใช้ปากกาสไตลัสจรดลงไป (หรือไม่ก็ใช้เล็บจิก) ผู้ที่เคยชินจะไม่มีปัญหา แต่หากเป็นผู้ที่เคยใช้จอประเภท Capacitive ซึ่งใช้นิ้วแตะลักษณะเดียวกับiPhone มาก่อน แล้วมาใช้ Resistive อาจจะหงุดหงิดบ้าง และออกอาการหลุดโวยวายได้บ่อยๆ

อย่างไรก็ตาม Android Phone ไม่ได้เกิดมาเพื่อคอเพลง เนื่องจากคุณภาพเสียงยังไม่มีจุดเด่นเหนืออุปกรณ์มัลติมีเดียเฉพาะทาง และความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ Android Phone ของสุกรีคือ การอดไม่ได้ที่จะรันแอพพลิเคชั่นนานาชนิด

ยกระดับโลคอลแบรนด์

ราคาคือสิ่งที่น่าชื่นชมของ Android Phone เพราะจริงอยู่ที่ Android ไม่ได้ทำให้ราคาเครื่องสเปกสูงลดต่ำลง แต่กลับช่วยยกระดับโทรศัพท์มือถือราคาประหยัดให้เป็นทางเลือกที่น่าลองของผู้บริโภค

โลคอลแบรนด์ทั้งหลายจึงเลือก หันมาใช้ระบบปฏิบัติการ Android เพื่อทำให้มาตรฐานตัวเองสูงขึ้นทันตาเห็น เช่น WellCoM และ i-mobile แม้ฮาร์ดแวร์ด้อยกว่า แต่ในระดับราคาต่ำกว่าหมื่นก็เป็นทางออกที่ดี

แม้แต่แบรนด์ใหญ่อย่าง Samsung ต้องแก้เกมด้วยการเปิดอัพเกรด Android Phone อย่าง Gallaxy Spica เร็วจี๋ เพื่อดึงตัวเองให้มีจุดต่างเหนือกว่า A88 ของ Wellcom

ในขณะที่แบรนด์ใหญ่ มีเทคโนโลยี GPS จากดาวเทียมของแท้ แต่โลคอลแบรนด์ก็มี เทคโนโลยี A-GPS หรือการอ้างอิงตำแหน่งพิกัดพื้นโลกแบบเชื่อมต่อเครือข่าย Edge มาทดแทน หลายคนมองว่า ก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้แอพพลิเคชั่นประเภท Location-Based หรือแอพพลิเคชั่นอิงตามท้องถิ่นที่อยู่ อย่างเช่น แผนที่ Google Maps, บริการตะโกนบอกเพื่อนว่าไปทำอะไรที่ไหนอย่าง Foursquare และ Gowalla

ส่วน Accelerometer (การกลับหน้าจอแนวตั้งแนวนอนอัตโนมัติตามลักษณะการถือจับ) และ Wi-Fi ทางฝั่งโลคอลแบรนด์มีทุกอย่างอยู่แล้ว เมื่อได้ Android มา จึงเป็นการประกาศสงครามราคา เครื่องพวกนี้ส่วนใหญ่ต่างกันแค่ที่คุณภาพ แต่คุณสมบัติพอๆ กัน

แถมแอพพลิเคชั่นในปัจจุบันนี้ก็มักจะสร้างมาให้รองรับ iPhone และ Android อยู่แล้ว แถมโลคอลแบรนด์ ยังมี 2 ซิม ดูทีวีได้ และมีวิทยุอีกต่างหาก มาชดเชยกับคุณภาพเครื่องที่สู้แบรนด์ใหญ่ไม่ได้

ไอ-โมบายนำร่อง

i-mobile 6010 Android และ i-mobile 8500 เป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ 2 รุ่นที่ยั่วใจสาวก Android ด้วยราคาจำหน่ายที่ไม่ถึงหลักหมื่น

i-mobile 6010 เปิดตัวด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 1.6 Donut ขนาด 110x55x13.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 106 กรัม หน่วยความจำ ROM 256MB – RAM 128MB (ตัวเครื่อง) การ์ดหน่วยความจำ MicroSD สามารถเพิ่มได้ กล้องดิจิตอล 3.2 ล้านพิกเซล หน้าจอ 3 นิ้ว แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน 1200 Mah สนทนาต่อเนื่องได้ประมาณ 7 ชั่วโมง ราคา 7,500 บาทเท่านั้น

ไม่นานนัก i-mobile 8500 ก็แจ้งเกิดในตลาดตามมาด้วยหน่วยประมวลผล CPU ARM9 เพิ่มขนาดหน้าจอเป็น 4.3 นิ้ว ขนาดเครื่อง 120x67x12.8 มม. รองรับ 3G หน่วยความจำ ROM 256MB – RAM 128MB เช่นเดิม กล้องดิจิตอล 5 ล้านพิกเซล สนทนาต่อเนื่อง 4.5 ชั่วโมง ราคา 9,900 บาท

WellCoM บุกด้วย A88

Wellcom เป็นโลคอลแบรนด์ที่ขอสร้างชื่อในตลาดสมาร์ทโฟนด้วย A88 มาพร้อมหน้าจอ LCD 3.2 นิ้ว ระบบสัมผัสด้วยเทคโนโลยี Capacitive รองรับการต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบ 3G/Wi-Fi กล้องดิจิตอลความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อม Flash รองรับภาษาไทย จุดเด่นของ A88 คือรองรับระบบดาวเทียมนำร่อง A-GPS และ GPS Navigator รองรับ Google Maps และ Street Views (มุมมองเหมือนจริง) ราคาเปิดตัว 8,990 บาท

HTC พาเหรด

ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ Nexus One ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ให้กับกูเกิล เมื่อถึงคิวของตัวเอง HTC จึงผลิต Android Phone วางตลาดถึง 8 รุ่น ครอบคลุมทุกระดับตั้งแต่นักเรียนนักศึกษาถึงคนทำงานและนักธุรกิจสุดหรู หน่วยความจำ ROM มีให้เลือกตั้งแต่ 256MB – 512MB ขณะที่ RAM มีให้เลือกตั้งแต่ 192MB – 576MB

Android Phone รุ่นแรกๆ ของ HTC อย่าง G1 และ HTC Dream นั้นเป็นของลองตลาดซึ่งไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่รุ่นที่ HTC ตั้งความหวังไว้มากมายคือ HTC Tattoo ซึ่ง HTC เชื่อว่านี่คือการนำแอนดรอยด์มาสู่ผู้บริโภควงกว้าง ใช้ชิป Qualcomm 528 MHz เปิดตัวด้วย Android 1.6 หน่วยความจำ ROM 512MB – RAM 256MB หน้าจอ 2.8 นิ้ว กล้องดิจิตอล 3.2 ล้าน ราคาเปิดตัว 13,900 บาท

HTC Magic และ HTC Hero กลายเป็นคู่หูบุกตลาดที่สูงขึ้นมาด้วยหน้าจอ 3.2 นิ้วทั้งคู่ ใช้ชิป Qualcomm 528 MHz ตัวเดียวกันและหน่วยความจำ ROM 512MB – RAM 288MB เหมือนกัน จุดต่างสำคัญคือ Magic มีกล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล แต่ Hero มี 5 ล้านพิกเซล และรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง ราคาเปิดตัวของ Magic โดยเอไอเอสอยู่ที่ 25,900 บาท ขณะที่ Hero เปิดตัวที่ 22,900 บาท

HTC Legend คือรุ่นล่าสุดที่ HTC ส่งมาเขย่าตลาดไทย มาพร้อมชิป 600 MHz กล้องดิจิตอล 5 ล้านพิกเซลพร้อม Auto Focus และ Flash หน่วยความจำ ROM 512MB – RAM 384MB มาพร้อม Android 2.1 รองรับ 3G ราคาเปิดตัวคาดว่าจะอยู่ที่ 19,900 บาท

สำหรับ Nexus One คือรุ่นเทพที่มาพร้อมชิป Qualcomm 1GHz กล้องดิจิตอล 5 ล้านพิกเซลมี Auto Focus, ดิจิตอลซูม 2X พร้อม Flash แบตเตอรี่อึดทน 1400 mAh สนทนาต่อเนื่องนาน 7 ชั่วโมงบน 3G วางจำหน่ายบนเว็บไซต์ Google ราคาราว 18,000 บาท

สเปกดังกล่าวถูกถอดแบบมาสู่ HTC Desire ซึ่ง HTC จะวางจำหน่ายเอง คาดว่าจะมีราคาราว 22,900 บาท

Motorola ร้อนสุด

“Motorola Milestone” คือหนึ่งในกระแสที่ร้อนแรงที่สุดในวงการแอนดรอยด์เมืองไทยนาทีนี้ โดยทรูมูฟ ซึ่งต้องการวางตำแหน่งเป็น “รายแรก” ก่อนใคร หลังจากเปิดฉากด้วยไอโฟน ทรูมูฟ ก็นำโมโตโรล่า ไมลสโตน ซึ่งเป็นเครื่องแอนดรอยด์ 2.1 มาขายก่อนใคร

Milestone ของโมโตโรล่า โดดเด่นด้วยคีย์บอร์ดแบบ QWERTY บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา และจอทัชสกรีนคมชัดกว้าง 3.7 นิ้ว ขนาดจอที่กว้าง ทำให้ใช้ปลายนิ้วสั่งซูมเข้าออกได้สะดวกสบายจริง และราคากำลังดี 18,500 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) แต่จุดด้อยสำคัญคือน้ำหนัก และแบตเตอรี่ที่ไม่อึดมากนัก (หากใช้งานเต็มสตรีม)

Samsung ชิมลาง

Android รุ่นแรกในเมืองไทยของ Samsung คือ Samsung Galaxy Lite หรือโค้ดเนม Spica กล้องดิจิตอล 3 ล้านพิกเซลมีแต่ Auto Focus ไม่มี Flash รองรับ 3G หน้าจอสัมผัส 3.2 นิ้ว ราคาเปิดตัว 12,900 บาท ถือว่าเป็นราคามาตรฐานสำหรับมือถือที่ใช้ CPU 800MHz

LG โหมไฟ

LG วางกำหนดการเปิดตัว GW620 Android ที่มีคีย์บอร์ด QWERTY 5 แถวเครื่องแรกในประเทศไทยไว้ที่ปลายเดือนเมษายน หน้าจอสัมผัสขนาด 3 นิ้ว กล้องดจิตอลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับ Micro SD สูงสุด 16GB สนนราคายังไม่เปิดเผย

5 ข้อในการAndroid Phone

1.Feature : ระบบปฏิบัติการ Android ถูกพัฒนาต่อเนื่องจนมีขีดความสามารถไม่แพ้ iPhone สามารถรองรับทั้งงานเบาเช่นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วไป จนถึงงานหนักๆ อย่างการแสดงภาพ 3D ได้ ก่อนซื้อจึงควรเลือกเครื่องที่มีคุณสมบัติและ User Interface หรือส่วนติดต่อผู้ใช้ที่เหมาะกับคุณให้มากที่สุด

2.Connectivity : ถูกออกแบบเพื่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นหลักก็จริง แต่ในบางรุ่นก็ไม่ได้รองรับเทคโนโลยีเชื่อมต่อทุกแบบไว้ เช่น 3G ซึ่งต้องแลกด้วยราคาและอายุแบตเตอรี่

3.Software แม้ Android จะมีจุดแข็งในเรื่องของแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์หลากหลาย สะดวกและง่าย แต่ถ้าใช้ทำงานโปรแกรมเอกสาร ต้องยอมรับว่า Android นั้นจะไม่ราบรื่นเท่าตระกูลวินโดวส์

4.Android Market : แอพพลิเคชั่นใน Android Market จำนวนกว่า 40,000 ชิ้น ตามหลัง App Store ของแอปเปิลซึ่งมีอยู่ราว 130,000 ชิ้น

5.Hardware : ไม่ว่าแพลตฟอร์มจะดีเลิศขนาดไหน แต่หากรันบนฮาร์ดแวร์คุณภาพต่ำก็จบข่าว ฉะนั้นห้ามมองข้ามตัวเลขสเปกยิบย่อยของ CPU RAM ROM ซึ่งล้วนมีผลต่อการใช้งานแอพพลิเคชั่นของคุณแน่นอน