CEO ของแอร์เอเชีย “โทนี เฟอร์นันเดส” ประกาศลาออกจากบริษัท ในขณะที่ทางการกำลังสืบสวนการจ่ายเงินที่ผิดปกติในสายการบินสัญชาติมาเลเซีย และผลจากการสั่งปรับบริษัท แอร์บัส เป็นจำนวนเงิน 4,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการติดสินบนกำลังสั่นสะเทือนทั่วอุตสาหกรรมนี้
การตัดสินใจช็อควงการนี้ออกมาหลังจากสำนักงานฉ้อฉลร้ายแรงของอังกฤษ (Serious Fraud Office หรือเอสเอฟโอ) เผยแพร่รายละเอียดของการสืบสวนที่พบว่า บุคคลภายในบริษัทแอร์บัสจ่ายเงินเพื่อให้ได้ข้อตกลงกับแอร์เอเชียและบริษัทลูก แอร์เอเชีย เอ็กซ์
เมื่อค่ำวันที่ 3 ก.พ. เฟอร์นันเดส และประธานกรรมการบริษัท คามารูดิน เมอรานูน กล่าวในถ้อยแถลงว่า “เราขอสละตำแหน่งบริหารของเราโดยมีผลทันทีเป็นระยะเวลา 2 เดือน หรือระยะเวลาอื่นๆ ตามที่บริษัทเห็นสมควร”
พวกเขากล่าวเสริมว่า “เราขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาการกระทำผิดหรือประพฤติมิชอบในฐานะผู้บริหารของแอร์เอเชีย เราไม่มีทางทำร้ายบริษัทนี้ที่เราใช้ทั้งชีวิตของเราสร้างจนมีสถานะระดับโลกดังเช่นปัจจุบัน แต่เราจะยังคงเป็นที่ปรึกษาให้กับสายการบินนี้ต่อไป”
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. คณะกรรมการปราบปรามคอร์รัปชั่นของมาเลเซีย ระบุว่า พวกเขามีอำนาจสืบสวนการกระทำทุจริตใดๆ ก็ตามของพลเมืองและผู้อยู่อาศัยถาวรทุกที่นอกประเทศ อีกสองหน่วยงานในมาเลเซีย รวมถึงสำนักงานการบินและคณะกรรมการความมั่นคง ได้เริ่มการสืบสวนของพวกเขาเองแล้ว
เฟอร์นันเดสเป็นหนึ่งในลูกค้าที่ภักดีที่สุดของแอร์บัส และสายการบินต้นทุนต่ำของเขา ซึ่งเขาซื้อด้วยเงิน 1 ริงกิตในปี 2001 เป็นลูกค้าเครื่องบินแบบช่องทางเดินเดียวรายใหญ่ที่สุดของแอร์บัส
ข่าวนี้ส่งผลให้หุ้นของแอร์เอเชียร่วงลงกว่า 8% ในวันนี้ หลังร่วงอยู่แล้วกว่า 10% เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ภายหลังการเผยแพร่การสืบสวนของเอสเอฟโอ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลฝรั่งเศส ระบุว่า แอร์บัสตกลงจ่ายค่าปรับ 3,600 ล้านยูโรให้อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ เพื่อยุติการสืบสวนคอร์รัปชั่น ซึ่งเกิดจากการขายอุปกรณ์น่าสงสัยหลายอย่าง
เอกสารของศาลบนเว็บไซต์ของเอสเอฟโอ ระบุว่า บริษัท EADS France SAS ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Airbus Group SAS จ่ายเงิน 50 ล้านดอลลาร์สนับสนุนทีมกีฬาของผู้บริหารแอร์เอเชีย 2 คน
“ผู้มีสิทธิตัดสินใจ” ในแอร์เอเชียและแอร์เอเชียเอ็กซ์ตอบแทนบริษัทดังกล่าวด้วยคำสั่งซื้อเครื่องบิน 180 ลำจากแอร์บัส