ตลาดเครื่องเสียงไฮเอนด์ของไทยมีมูลค่าราว 1,200 ล้านบาท แต่จากสภาวะเศรษฐกิจส่งผลให้ตลาดไม่เติบโตมา 2-3 ปี อย่างไรก็ตาม ‘มิวสิค พลัสซีนีม่า’ ยังเห็นโอกาสใหม่ ๆ จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จึงส่ง ‘Bowers & Wilkins’ เข้ามาลุยตลาดเครื่องเสียงไฮเอนด์ไทย แม้จะมีคู่แข่งอีกกว่า 70 แบรนด์ก็ตาม
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องเสียงไฮเอนด์ไม่เติบโต จากราคาเฉลี่ยต่อครั้งที่หลายแสนถึงหลักล้านบาท แต่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณหลักแสนต้น ๆ ส่งผลให้ผู้เล่นหลายรายต้องล้มหายตายจากไป แต่ก็ยังมีหน้าใหม่เข้ามา ขณะที่สถาณการณ์ปัจจุบันมีวิกฤตไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการจับจ่ายที่ชะลอตัวอีก ดังนั้นมองว่าตลาดรวมคงยังไม่เติบโต
“จากสภาวะเศรษฐกิจ และการมาของสมาร์ทโฟนที่ทำให้พฤติกรรมผู้ใช้ไม่ค่อยฟังเพลงอยู่บ้าน อีกทั้งยังมองว่าการจะเปิดเพลงผ่านลำโพงยุ่งยาก ทำให้ตลาดไม่เติบโต” สมัคร สมัครคามัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิวสิค พลัสซีนีมา จำกัด ในเครือโซนิควิชั่น กล่าว
อย่างไรก็ตาม เรายังมองว่าตลาดยังมีโอกาสที่จะเติบโต โดยปัจจัยที่มาจากจำนวนกลุ่มคนฟังเพลงเริ่มกว้างขึ้น เพราะการมาของมิวสิคสตรีมมิ่ง และด้วย Pain Point ด้านความยุ่งยากที่หายไปด้วยเทคโนโลยี เราจึงนำ ‘Bowers & Wilkins’ (โบเวอร์แอนด์วิลกินส์) เข้ามาสร้างการเติบโตให้กับบริษัท โดยตั้งเป้ายอดขาย 60 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ รวมทั้งสร้างการเติบโตให้เราได้ 15-20% มีรายได้รวม 200 ล้านบาท โดยบริษัทเน้นโฟกัสลูกค้ากลุ่มคนมีฐานะ และกลุ่มคนเล่นเครื่องเสียง
“Bowers & Wilkins เป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษอันดับ 1 โดยเรานำเข้าชุดเครื่องเสียงฟอร์เมชั่นซีรีส์ (Formation Series) และหูฟังไร้สายออดิโอไฟล์ โดยจุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่นวัตกรรมที่ลดทอนความยุ่งยากในการติดตั้งชุดเครื่องเสียง แต่ยังมาตรฐานคุณภาพเสียงออดิโอไฟล์ระดับไฮเอนด์ ดังนั้นเชื่อว่าสินค้าจะสามารถเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม”
สำหรับ โบเวอร์แอนด์วิลกินส์ ฟอร์เมชั่น ซีรีส์ (Formation Series) มีให้เลือก 6 รุ่น 6 แบบ ได้แก่ ดูโอ (DUO), เวดจ์ (WEDGE), เฟลกซ์ (FLEX), บาร์ (BAR), ซัพ (SUB) และออดิโอ (AUDIO) ราคาเริ่มต้นที่ 20,000-179,000
ปัจจุบัน มิวสิค พลัสซีนีม่า เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์รวม 20 แบรนด์ มีส่วนแบ่งตลาดเครื่องเสียไฮเอนด์ 15%
#Sound #Audio #Hiend #Bowers&Wilkins #Positioning