เส้นทาง “พลังผัก” ร้อยล้าน หมัดเด็ดจับเทรนด์รักสุขภาพ พลิกโฉมธุรกิจ “ผัก-ผลไม้พร้อมทาน” ยุคใหม่


โอกาสธุรกิจมีอยู่รอบตัว เราจะคว้ามันไว้เเละทำให้ “สำเร็จ” ได้หรือไม่ สิ่งสำคัญ นอกเหนือจากความตั้งใจจริงเเล้ว ก็ขึ้นอยู่จังหวะตลาดและความต้องการของผู้บริโภคด้วย การพลิกโฉมสินค้าธรรมดาที่มีขายตามตลาดทั่วไป เเล้วนำมาจับเทรนด์ “รักสุขภาพ” ของคนยุคใหม่ได้อย่างทันท่วงที สร้างความเเตกต่างด้านบรรจุภัณฑ์ รักษาคุณภาพเเละเพิ่มช่องทางขายผ่านร้านสะดวกซื้อ ให้ลูกค้าได้ “สะดวกกินสะดวกใช้”

นี่คือหัวใจหลักของเเบรนด์ ‘Oh! Veggies’ เเห่งบริษัท พลังผัก จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์สลัดผักเเละผลไม้พร้อมทาน ผู้ประกอบการ SMEs ระดับร้อยล้าน ที่สร้างเเรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจของใครหลายคน

“พลังผัก” ก่อตั้งด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาทในปี 2551 เเละกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 ด้วยยอดขายปี 2562 ทะลุ 290 ล้านบาท โดยในปี 2555 ที่เข้าวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ 7 – Eleven รายได้เพียง 15 ล้านบาท นับเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่น่าจับตามอง จุดเริ่มต้นของ “พลังผัก” ก็น่าสนใจไม่เเพ้กัน เมื่อพนักงานเงินเดือนสองสามีภรรยาอย่าง “วุฒิชัย เเละสุวิมล เจริญศุภกุล” ตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่กำลังรุ่งโรจน์ กระโจนเข้าสู่วงการ SMEs ด้วยความใฝ่ฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตนเองเเละต้องการที่จะโฟกัสในการดูแลลูกที่กำลังเติบโต

พวกเขามองเห็นความสำคัญเทรนด์การรักสุขภาพที่กำลังมาแรงจึงเลือกที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพที่คนเข้าถึงง่าย นั่นก็คือ “ผักและผลไม้”

วุฒิชัย เล่าย้อนกลับไปให้ฟังว่า ในระหว่างที่เขากำลังสำรวจสินค้าที่น่าสนใจซูเปอร์มาร์เก็ต สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาปิ๊งไอเดียคือ ตลาดส่วนใหญ่มีแต่สลัดผักแบบไฮโดรโปรนิกส์ ตอนนั้นมีคู่เเข่งอยู่เพียง 2-3 รายเท่านั้น (ปัจจุบันมีกว่า 10 ราย) ซึ่งเป็น “โอกาสทอง” ของสลัดผักแบบออร์แกนิคแบบพร้อมรับประทาน 100% ที่จะเข้าไปตีตลาดใหม่นี้

ความตั้งใจคือ ต้องทำผลิตภัณฑ์ที่สำเร็จรูปพร้อมทาน ใส่ในบรรจุภัณฑ์สะอาดสวยงาม บริการความสะดวกให้คนเมืองที่เป็นลูกค้าเป้าหมายหลัก เขาเริ่มต้นด้วยเงินทุนราว 1 ล้านบาท มีพนักงานเพียง 3 คนเท่านั้น (วุฒิชัย ภรรยาเเละญาติ 1 คน ) แต่ในช่วง 3 เดือนแรกมีอุปสรรคมากมายที่ต้องพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังคงนิยมซื้อผักในตลาดสด หรือ ชุมนมากกว่าบริโภคผักของทางร้าน จึงได้มีการปรับกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าในย่านธุรกิจ โรงพยาบาล และร้านสะดวกซื้อเเทน

“ช่วงเเรกที่เจออุปสรรค เราคิดเเค่ว่าต้องสู้ให้ถึงที่สุด เลยกำหนดเวลาว่าถ้าอีก 3 เดือนพลังผักไปไม่รอด จะกลับมาทำงานประจำ เพราะเรามีลูกเล็กต้องเลี้ยงดู สินค้าเรามีอายุ มีตัวเเปรสำคัญคือฤดูกาล เเต่เราพยายามเอาชนะมันให้ได้” วุฒิชัยกล่าว

จากวันนั้นถึงวันนี้ เเบรนด์ Oh! Veggies มีสินค้าถึง 50 SKU วางจำหน่ายนำในร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรดเเละร้านเล็กๆ กว่า 8-9 พันร้าน มียอดการผลิตในปัจจุบันกว่า 6 หมื่นเเพ็คต่อวัน คิดเป็นประเภทผัก 250 ตันต่อปี เเละผลไม้กว่า 3,500 ตันต่อปี โดยรับซื้อโดยตรงจากเกษตรกรที่ปลูกพืชไร้สารพิษราว 400 รายทั้งจากภาคเหนือ สระบุรีเเละเพชรบุรี เป็นต้น

“สินค้าสลัดผักสดอยู่ได้ประมาณ 5-7 วัน ต้องใส่ใจทุกขั้นตอนตั้งเเต่การควบคุมอุณหภูมิ การจัดเก็บ การขนส่ง”

โดยมีการวางแผนการผลิตล่วงหน้ากับเกษตรกรเป็นรายปี เพื่อมั่นใจว่าจะได้ผลผลิตเกษตรอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานในปริมาณที่สม่ำเสมอ และป้องกันปัญหาข้อจำกัดเรื่องฤดูกาลของผักและผลไม้ที่อาจะส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้ายกตัวอย่างเช่น มะม่วง ที่มีตามฤดูกาลไม่สามารถออกผลผลิตได้ทั้งปี ทางแบรนด์จึงศึกษาพันธุ์มะม่วงแต่ละสายพันธุ์ว่าออกผลผลิตในช่วงเดือนไหนจึงมีการหาสายพันธุ์ใหม่มาสำรองไว้ 2 สายพันธุ์ มีการทดสอบรสชาติให้ใกล้เคียงกัน

ทั้งนี้ สินค้าของแบรนด์ได้มาตรฐาน GMP HACCP มีการใช้ระบบ Nano-Wash ในการล้างสิ่งตกค้าง ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ และรักษาผลไม้ไม่ให้ช้ำ บรรจุสินค้าด้วยอุณหภูมิ Heat treatment ลดอัตราการเน่าเสียและพัฒนาแพคเกจจิ้งเป็นรูปแบบ On-the-go รวมถึงส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ เช่น การใช้น้ำตาลมะพร้าวอัมพวา กะปิเกาะช้างมาเป็นส่วนผสมในน้ำจิ้มต่างๆ และเพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของพลังผัก

“การทำแพคเกจจิ้งจะต้องให้ลุกค้าสะดุดตา เมื่อวางในร้านสะดวกซื้อหรือที่อื่นๆ ต้องมองเห็นสินค้าเราเป็นอันดับต้นๆ ทางบริษัทจึงเลือกดีไซน์เป็น “ทรงกล่อง” เพื่อให้มัพื้นที่บนชั้นวางมากขึ้น อีกทั้งยังเเปลกตาเเละใหม่สำหรับผู้บริโภค ไม่เหมือนกับผักที่ใส่ถุงวางขายในร้านทั่วไป”

สำหรับ 3 สินค้าขายดีที่สุดของ ‘Oh! Veggies’ ได้เเก่ 1) มะม่วงน้ำปลาหวาน 2) สลัดผักพร้อมทาน เเละ 3) มะม่วงกะปิทรงเครื่อง ซึ่งจะเห็นว่าตลาดผลไม้นั้นได้รับความนิยมกว่า 70% เเละสลัดผักอยู่ที่ 30% ของสินค้าทั้งหมดของเเบรนด์

เมื่อถามถึงปัจจัยการตั้งราคาขายสินค้า ผู้บริหาร Oh! Veggies บอกว่า “เราอาจจะหากินผักผลไม้ได้ตามรถเข็นข้างทาง เเต่ยังมีกลุ่มลูกค้าที่คำนึงถึงความสะอาด ปลอดภัยเเละมาตรฐานของรสชาติ ที่เเม้จะจ่ายเเพงขึ้นก็รับได้ ซึ่งเรามาเติมเต็มตลาดนี้ จะตั้งราคาให้คนเข้าถึงได้มากที่สุด”

“ผ่านมา 12 ปีจนถึงทุกวันนี้มีความท้าทายที่เเตกต่างกัน อย่างในช่วงเเรกเราจะเจออุปสรรคเรื่องการปรับปรุงเเละเปลี่ยนเเปลง ทั้งกลุ่มลูกค้าเเละตัวสินค้า เราต้องปรับให้เร็ว ทันผู้บริโภค หลายปีผ่านไปความยากกลายเป็นว่าเราต้องรักษามาตรฐาน รักษาคุณภาพที่ดี เเละต้องพัฒนาต่อยอดไม่หยุดนิ่ง ยกระดับให้ไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน นี่คือสิ่งที่เราจะทำในอนาคต ซึ่งจะมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยมายิ่งขึ้น”

ล่าสุดบริษัท พลังผัก จำกัด เป็น 1 ใน 5 ผู้ประกอบการไทยที่คว้ารางวัลสุดยอดเอสเอ็มอีไทย Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 15 ไปครอง หลังประสบความสำเร็จโดยสร้างความเข้มแข็งในมิติที่มีความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ และเพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ นำไปเป็นแบบอย่างในการพัฒนาธุรกิจ

โดยพลังผัก เจ้าของเเบรนด์ “Oh! Veggies” ได้รับรางวัลในมิติด้านองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เเละมิติด้านบุคคลในการสร้างพลังเเห่งการเป็นผู้ประกอบการ

“การได้รับรางวัล Bai Po Business Awards เป็นเหมือนการให้กำลังใจในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีกับลูกค้า รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาบริษัททั้งด้านการตลาดเเละการดูเเลพนักงาน เราอยากจะไปให้ไกลกว่านี้ เติบโตไปพร้อมๆ กับ SMEs ไทยอีกมากมาย”

ผู้บริหารพลังผัก ทิ้งท้ายด้วยการฝากข้อคิดถึงคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการ SMEs ว่า มองโอกาสที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้ ไม่ใช่เเค่คิดฝันเเต่ต้องลงมือทำ ฝ่าฟันอุปสรรคเเละไม่ท้อถอย