ช่วงไตรมาส 1 ของปีคาดว่าเม็ดเงินในอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 7,424 ล้านบาท ติดลบเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ เกรย์เอ็นเจยูไนเต็ด ครีเอทีฟเอเจนซี่โฆษณาของไทยยังมองว่านี่ไม่ใช่ ‘จุดต่ำสุด’ ของตลาด หนักกว่านี้ก็เคยเจอ แต่ปัญหาคือ ยังมองไม่เห็นจุดจบของปัญหา ขณะที่ตอนนี้ยังเป็นแค่ช่วงต้นปีเท่านั้น ดังนั้นนอกจากต้องตั้ง ‘สติ’ ในการทำธุรกิจแล้ว ยังต้องคิดแผนเพื่อสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์อย่างยั่งยืนต่อไป
รักษาจุดแข็งด้าน Creative
คุณคณพร ฮัทชิสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เกรย์เอ็นเจ ยูไนเต็ด ระบุว่า สถานการณ์ตลาดโฆษณาในปีนี้เผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง ทั้งปัจจัยภายนอกอย่างเรื่องการเมือง โควิด-19 และค่าเงินบาทที่แข็ง ที่แม้แบรนด์ยังไม่ ชะลอ การใช้งบการตลาดแต่ รัดกุม ขึ้น ขณะที่ปัจจัยภายในเองก็มีทั้งเรื่องการแข่งขัน เพราะเอเจนซี่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่แบรนด์เองก็เริ่มทำ อินเฮาส์มาร์เก็ตติ้ง และปัญหาสำคัญที่มีมานานคือ คนโฆษณาที่ ลดน้อย ลงไปทุกที
“เท่าที่เห็นลูกค้าของเราไม่ชะลอ แต่รัดกุมขึ้น โดยจะโฟกัสกับเป้าหมายมากขึ้น ไม่ใช้เงินเยอะเหมือนเดิม ทำการสื่อสารเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อให้เม็ดเงินมีคุณภาพสูงสุด และในสถานการณ์เช่นนี้ น้ำหนักของการสร้างแบรนด์และสร้างยอดขายยังต้องไปคู่กัน เพราะคนไม่สนใจโปรโมชั่น แต่การสร้างแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค จะไม่ทำให้รู้สึกว่ามาฉวยโอกาสจากวิกฤต”
และเพื่อสร้างแวลูให้กับองค์กร เกรย์เอ็นเจได้วาง Position ตัวเองในการเป็น conductor หรือ วาทยกรวงออร์เคสตรา ที่นำสวนผสมของ Data และ เทคโนโลยี บวกกับ Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์มารวมกันเพื่อแก้ไขปัญหาทางธุรกิจให้กับลูกค้า (Creativity solves business problems) ซึ่งจุดแข็งด้านความคิดสร้างสรรค์นี้ ช่วยให้บริษัทมีแวลู ดังนั้น แม้ลูกค้ามีอินเฮาส์ของตัวเองแต่ยังต้องใช้งานเรา
“ตอนนี้ Data และเทคโนโลยี แต่ละเอเจนซี่ก็มีเหมือน ๆ กัน แต่ใครจะใช้ให้เกิดประโยชน์กว่ากัน ขึ้นอยู่กับคนเลือกหยิบจับมาใช้ ซึ่งนั่นคือความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นไม่มีอะไรเป็นสูตรสำเร็จ เราเองไม่ได้มีอะไรมากหรือน้อย แต่เรามีพร้อมและสามารถเอามาผสมกันเพื่อให้แบรนด์ผ่านวิกฤตไปได้”
3P เพื่อปรับตัวให้อยู่รอด
ในส่วนของการปรับตัวขององค์กรในสถานการณ์ดังกล่าว ทิพยจันทน์ หัสดินทร ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า บริษัทวางแผนไว้ 3 ส่วน 1.People โดยปรับวิธีทำงานแบบครอสทีม เพื่อให้คนที่ถนัดในแต่ละสายได้มาทำงานในโปรเจกต์เดียวกัน เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ได้ทีมเล็กลง คล่องตัวขึ้น เร็วขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้า
2.Products โดยขยายบริการสู่ Experience Maximization เพื่อครอบคลุม Customer Journey พร้อมตอบสนองลูกค้าได้แบบ end-to-end โดยใช้ Creativity เป็นแกนตอบโจทย์ลูกค้า และ 3.Partnership โดยร่วมกับมีเดียเอเจนซี่ในกลุ่ม WPPs เช่น ฮับด้าน e-Commerce/Shopper tech hub ที่จีนและเกาหลี Social listening hub ที่อินเดีย และ Innovation tech hub ที่ออสเตรเลีย เป็นต้น
The Campus สร้างคนโฆษณา
อัศวิน พานิชวัฒนา รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องคนมีมานานมากในวงการโฆษณา เพราะบางคนทำงานเพียง 1-2 ปีแล้วก็ย้าย หรือไปเป็นสื่อเองโดยใช้โซเชียลมีเดีย ดังนั้นเกรย์เอ็นเจจึงมีแนวคิดในการทำ The Campus ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 หรือที่เพิ่งจบในระดับปริญญาตรีเข้ามาฝึกงานจริงในครีเอทีฟเอเจนซี่เป็นเวลา 3 เดือน โดยจะได้รับค่าตอบแทนและมีโอกาสในการเข้าบรรจุเป็นพนักงาน
“ทุกวันนี้ยอด turnover เยอะมากจนเป็นเรื่องปกติ บางคนชอบงาน แต่ไม่ชอบวัฒนธรรมองค์กร ขณะที่เด็กส่วนใหญ่ที่อยู่กับบริษัทนานจะเป็นเด็กฝึกงานมาก่อน ดังนั้น The Campus จะทำให้เขาได้สนุกกับวัฒนธรรมองค์กรเรา แม้เขาจะมาฝึกงานกับเราแต่ไม่อยู่กับเรา แต่สุดท้ายอุตสาหกรรมโฆษณาได้ เพราะทำให้คน มีทักษะมากขึ้น สนใจอุตสาหกรรมมากขึ้น”
ปัจจุบันเกรย์เอ็นเจมีพนักงานมีราว 70 คน ส่วนใหญ่เป็นเจน Z หรือคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดีย แน่นอนว่าช่องว่างระหว่างวัยในองค์กรต้องมี แต่จุดตรงกลางคือ ต้องรับฟังมากขึ้น เปิดใจรับและลองทำ ตอนนี้ลูกค้าก็ยินดีที่จะเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ ลูกค้าชอบ เพราะคนรุ่นใหม่มีความว่องไว โดยเราเองก็เป็นแบ็กอัพ คอยสนับสนุน ให้คำแนะนำ
ในปี 2563 นี้ เกรย์เอ็นเจ ตั้งเป้าเติบโต double digit โดยในไตรมาส 1 มีลูกค้ารายใหม่ ได้แก่ LINE BK, Food Panda, Samsung Mobile, Lao Airline และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักที่เห็นตอนนี้คือ แบรนด์ที่ทำแคมเปญสืบเนื่องกับงาน โอลิมปิก และเทศกาลสงกรานต์ ที่จะทำอย่างไรให้เกิดการใช้เงินในช่วงนั้น
#GREYnJ #Marketing #Agency #Media #Positioningmag