ห้ามส่งออก “ไข่ไก่” 7 วัน เเก้ขาดตลาด พาณิชย์ย้ำใครขายราคาเเพงเกิน เจอโทษหนัก

Photo : Pixabay

กระทรวงพาณิชย์ ห้ามส่งออก “ไข่ไก่” 7 วัน หากไม่ดีขึ้นจะขยายเวลาอีก เพื่อช่วยให้ประชาชนมีไข่ไก่บริโภคเพียงพอในประเทศ ยันจับแหลกพวกค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะออกประกาศห้ามส่งออกไข่ไก่ไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2563 เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยให้ทดลองมาตรการเป็นเวลา 7 วัน และยังได้ประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยไม่ให้กรมปศุสัตว์ออกใบอนุญาตในการส่งออกให้ด้วย เพื่อให้ประชาชนมีไข่ไก่ในการบริโภคเพียงพอ และหากสถานการณ์ไข่ไก่ขาดตลาดยังไม่ดีขึ้นก็จะมีการขยายเวลา และมีมาตรการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องออกมาดำเนินการต่อไป

โดยจะเข้าไปดูแลการขายเกินราคา เพราะราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มมีราคาเฉลี่ย 2.80-2.90 บาทต่อฟอง การที่จะขายไปถึงปลายทางไม่ควรจะเกิน 3.30-3.50 บาทต่อฟอง หากมีการจำหน่ายในราคาสูงมากกว่าที่ควรจะเป็นก็จะดำเนินการในข้อหาค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังได้ขอให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการปราบปราม จับกุมดำเนินคดีผู้ที่กักตุนและขายสินค้าเกินราคา ค้ากำไรเกินควรโดยเร่งด่วนด้วย รวมถึงในกรุงเทพฯ

“จะมีการจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดสำหรับผู้ที่ขายราคาเกินควร เพราะขณะนี้โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ก็ทำให้เกิดความลำบากมากอยู่แล้ว การค้ากำไรเกินควรเท่ากับซ้ำเติมสถานการณ์ หากประชาชนมีเบาะแส สามารถแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน 1569 รวมทั้งสายตรวจของกระทรวงพาณิชย์ และสายตรวจของหน่วยงานป้องกันปราบปรามการกักตุนสินค้าและค้ากำไรเกินควรของระดับจังหวัด และที่ผ่านมาได้มีการจับกุมดำเนินคดีแล้วใน จ.พิษณุโลก จับกุมร้านค้าที่มีการขายไข่ไก่เกินราคา เนื่องจากขายไข่ไก่เบอร์ 2 ถึงฟองละ 4.70 บาท ซึ่งแพงเกินควร” จุรินทร์กล่าว

สำหรับประเทศไทยสามารถผลิตไข่ไก่ได้เฉลี่ยวันละ 40 ล้านฟอง ส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศเป็นหลัก โดยบางช่วงอาจจะล้นหรือขาดตลาด เช่นปีที่ผ่านมามีปัญหาล้นตลาด รัฐบาลต้องช่วยส่งออกอุดหนุนฟองละ 46 สตางค์ แต่ปัจจุบันมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการที่เข้มข้นขึ้นของรัฐบาล ทำให้ประชาชนเป็นกังวล จึงมีการซื้อไข่ไก่เพิ่มขึ้น และทำให้ไข่ไก่ขาดตลาดในบางช่วงเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่าผลผลิตมีไม่เพียงพอ

สำหรับสินค้าอื่นๆ จะมีการดำเนินคดีโดยเด็ดขาดเช่นเดียวกัน โดยล่าสุดได้มีการจับกุมกรณีขายเจลล้างมือในราคาแพงเกินควร ที่ร้านภูเก็ตโกรเซอรี่ จ.ภูเก็ต โดย สภ.ภูเก็ตได้ดำเนินคดีร้านดังกล่าว คือขายแอลกอฮอล์ 70% ยี่ห้อศิริบัญชา จากราคา 50-60 บาท แต่ขายในราคา 309 บาท

ส่วนหน้ากากอนามัย รมว.พาณิชย์ เผยว่าขณะนี้ผลิตได้วันละ 2.3-2.4 ล้านชิ้นต่อวัน และได้มีการจัดสรรใหม่ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขกระจายให้สถานพยาบาลทุกประเภท ทุกสังกัด ทั่วประเทศ 1.3-1.5 ล้านชิ้นต่อวัน เพื่อนำไปให้แก่แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยได้ใช้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สำคัญลำดับต้น ส่วนที่เหลือเดิมกรมการค้าภายในบริหาร ได้มอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับไปดำเนินการ เพราะหลังจากมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีอำนาจเกือบเบ็ดเสร็จในทุกเรื่อง การจัดการเรื่องเวชภัณฑ์ป้องกันบางส่วน เช่น หน้ากากอนามัย ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการในแต่ละจังหวัดได้ดีที่สุด เพราะรู้เรื่องในพื้นที่ดีที่สุดว่ากลุ่มเสี่ยงอยู่ที่ใดบ้าง

Source