รัฐบาลฮ่องกงประกาศว่าจะทุ่มงบมากกว่า 1.7 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อต่อสู้กับการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่และสนับสนุนเศรษฐกิจ หลังได้ขยายมาตรการการควบคุมไวรัสไปถึงวันที่ 20 เมษายน
ฮ่องกงซึ่งถือเป็นเมืองกึ่งปกครองตนเองของจีนกำลังประสบกับการระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 5 โดยมีผู้ป่วยรายวันทะยานสูงเป็นประวัติการณ์ โดยล่าสุดมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 8,674 รายในวันเดียว ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แคร์รี แลม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้สั่งยกเลิกการล็อกดาวน์โดยสมบูรณ์ แต่ยังคงยึดมั่นนโยบาย Zero COVID ของจีน
“การแพร่กระจายของไวรัสได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คนจำนวนมาก ทำให้ชีวิตและการทำงานของพวกเขาหยุดชะงัก และส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ เราจำเป็นต้องควบคุมทรัพยากรให้มากขึ้นเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของผู้คน และให้พื้นที่หายใจแก่ SMEs เพื่อทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพและรักษาความเชื่อมั่นของสาธารณชน” พอล ชาน รัฐมนตรีกระทรวงการเงิน กล่าว
ทั้งนี้ ฮ่องกงได้ออกมาตรการทางเศรษฐกิจ ได้แก่
- ลดภาษีกำไร 100% สำหรับธุรกิจและภาษีเงินเดือนสำหรับบุคคลธรรมดา ต่อยอดที่ 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (1,280 ดอลลาร์)
- บัตรกำนัลการบริโภคมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง
- เงินช่วยเหลือ 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง สำหรับผู้ว่างงานชั่วคราว
- การสละสิทธิ์การเช่าสำหรับธุรกิจที่ต้องปิดเนื่องจากกฎโควิด
นอกจากนี้ยังจัดสรรงบประมาณ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกงให้กับมาตรการ “ต่อต้านการแพร่ระบาด” ที่มุ่งส่งเสริมการทดสอบโควิด จัดหาชุดทดสอบ และให้การสนับสนุนแก่หน่วยงานของโรงพยาบาลของเมือง และงบอีก 6 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกงเพื่อซื้อวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อเป็นยากระตุ้น
“เราได้จัดสรรเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับความต้องการอื่น ๆ ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด เราจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้กับโรคระบาดหากจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น” ชาน กล่าว
ที่ผ่านมา เศรษฐกิจโดยรวมของฮ่องกงร่วงติดต่อกัน 2 ปี และฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในปี 2564 โดยมีอัตราการเติบโต 6.4% โดยในปี 2565 คาดการณ์การเติบโต 2-3.5%
อย่างไรก็ตาม การ์เซีย-เอร์เรโร กล่าวว่า การคาดการณ์การเติบโตของเมืองอยู่ในแง่ดี Natixis มองว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่า 2% เล็กน้อยในปี 2565 โดยคาดว่าการระบาดในระลอกปัจจุบันจะเริ่มดีขึ้นประมาณปลายเดือนมีนาคม แต่หากไวรัสยังคงแพร่กระจายต่อไปเศรษฐกิจครึ่งปีแรกอาจติดลบ และการเติบโตในครึ่งปีแรกอาจไม่แข็งแกร่งเท่ากับครึ่งหลัง
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของฮ่องกงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ และการระบาดใหญ่ของโควิดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา