ภายในปี 2028 “ฮ่องกง” จะขาดแคลนแรงงานกว่า 180,000 คน เนื่องจากประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น

สํานักแรงงานและสวัสดิการของฮ่องกงมีการคาดการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคที่มีทักษะ เช่น ช่างบันไดเลื่อนและคนงานก่อสร้าง จะคิดเป็นมากกว่า 1 ใน 3 ของการขาดแคลนทั้งหมด

โดยจากการศึกษาและเก็บข้อมูลในปี 2023 ในพื้นที่ 17 ภาคส่วนที่สําคัญ รวมถึงการรวบรวมมุมมองจากเจ้าของธุรกิจในอุตสาหกรรมมากกว่า 1,000 คน เพื่อกําหนดอุปสงค์และอุปทานของกําลังคนในอีก 5 ปีข้างหน้าของฮ่องกง มีการคาดการณ์ว่า

ปริมาณความต้องการด้านกําลังคนในฮ่องกง (อุปทาน) สูงถึง 3.56 ล้านคน และในปี 2028 ปริมาณความต้องการด้านกำลังคนจะสูงถึง 3.75 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้ฮ่องกงขาดแคลนแรงงาน จำนวนกว่า 180,000 คน รวมถึงมีการสันนิษฐานว่าเศรษฐกิจฮ่องกงจะเติบโต 3.2% ในแต่ละปี 

ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 260% เมื่อเทียบกับการขาดแคลนด้านกำลังคน 50,000 คนในปี 2023 สืบเนื่องจาก ฮ่องกงจะมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยภายในปี 2028 ผู้คนมากกว่า 2 ล้านคน หรือ 28% ของประชากรจะมีอายุ 65 ปีขึ้นไปซึ่งคาดว่าจะคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของผู้อยู่อาศัยในเมือง ทำให้ประชากรที่ทํางานจะลดลงในขณะที่อายุเฉลี่ยของคนงานจะเพิ่มขึ้น

โดยประชากรวัยทํางานที่มีอายุระหว่าง 15 – 64 ปี จะอยู่ที่ 4.6 ล้านคน คิดเป็น 63% ของประชากรทั้งหมดในฮ่องกง และอายุเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 50.2 ในปี 2028 จาก 48.3 ในปี 2023 และมีการตั้งข้อสังเกตว่า จํานวนคนที่มีอายุระหว่าง 35 44 ปีจะเพิ่มขึ้น 20,000 คนในปี 2023 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากนโยบายการสนับสนุนของรัฐบาลที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2022 

นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของแรงงาน ได้แก่ การใช้ปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติ (AI) ระดับการศึกษาของแรงงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นและการปรับโครงสร้าง โดย Roy Chan Kwok-fai หัวหน้าหน่วยวิจัยของสํานักงานฮ่องกงกล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าความต้องการแรงงานจะลดลง 10% – 20% เนื่องจากการใช้ AI ในธุรกิจมากขึ้น

การขาดแคลนคน 180,000 คนรวมถึงช่างเทคนิคที่มีทักษะ คนงานในอุตสาหกรรมบริการ ผู้เชี่ยวชาญและผู้จัดการ และแรงงานด้วยตนเอง คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามหรือคนจำนวน 60,000 คน ที่อยู่ในสายงานช่างเทคนิคที่มีทักษะ เช่น คนงานก่อสร้าง ช่างบันไดเลื่อน และช่างเทคนิคการบํารุงรักษาเครื่องบิน เป็นต้น

การขาดแคลแรงงานดังกล่าวทำให้รัฐบาลฮ่องกงวางแผนดึงดูดคนงานจำนวน 10,000 คน ที่มีอายุ 35 ปีหรือต่ำกว่าและไม่มีปริญญามาช่วยอุดช่องว่างด้านแรงงานในประเทศ และจะมีการเรียกร้องให้นายจ้างสํารวจวิธีแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มทักษะให้กับคนงาน ซึ่งการทบทวนกําลังคนในประเทศจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดในปี 2025 

Chau Siu-chung สมาชิกสภานิติบัญญัติภาคแรงงาน กล่าวว่า การนําเข้าแรงงานสําหรับอุตสาหกรรมเฉพาะที่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานคน อาจเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่ดี แต่รัฐบาลก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องของปัญหาโครงสร้างที่ผลักดันคนงานในท้องถิ่นออกไปเช่นกัน จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ เช่น หากมีการให้เงินเดือนต่ำแต่ชั่วโมงการทำงานเยอะ และคนงานยังคงอยู่ภายใต้สภาพการทํางานที่ไม่ดี คนงานที่นําเข้าก็แทบจะไม่สามารถอยู่ต่อได้เช่นกัน

และ Chau Siu-chung ยังเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาเสถียรภาพการสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับสหภาพแรงงาน เมื่อมีการประเมินการขาดแคลนและพิจารณาการนําเข้าแรงงาน เนื่องจากจะทําให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจในงานและเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังวิกฤตการขาดแคลนแรงงานได้ดีขึ้น

“สิ่งที่สําคัญที่สุด คือฮ่องกงไม่สามารถพึ่งพาคนนอกได้ในระยะยาว เราต้องหาวิธีที่จะทําให้ธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีการขาดแคลนด้านกำลังคนเหล่านั้น มีข้อเสนอที่น่าสนใจยิ่งขึ้นสําหรับประชากรที่อายุน้อย” Chau Siu-chung กล่าว

ด้าน Simon Lee Siu-po นักวิชาการด้านการเงินของฮ่องกง กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานไม่ใช่ปัญหาเฉพาะในเมืองเพียงเท่านั้น เพราะในเมืองก็มีการแข่งขันกับเศรษฐกิจของเมืองอื่นๆเช่นกัน เมื่อมีการนําคนงานเข้ามาแล้วไม่มีผลตอบแทนที่ดีพวกเขาก็อาจไม่อยู่ทำงานในเมืองนั้นต่อ หากพวกเขาพบโอกาสที่ดีกว่าในเมืองอื่น 

จึงเป็นการดีที่สุดที่จะช่วยให้แรงงานเหล่านั้นสามารถตั้งถิ่นฐานในเมืองได้ หากแรงงานเหล่านั้นได้ทํางานที่ฮ่องกงมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในกลุ่มผู้มีความสามารถระดับสูงเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาในกลุ่มและส่วนที่เหลือด้วย มิเช่นนั้นช่องว่างของการขาดกำลังคนกว่า 180,000 คนนี้ อาจคุกคามความสามารถในการแข่งขันของเมืองได้ในระยะยาว เนื่องจากธุรกิจต้องแบกรับต้นทุนด้านแรงงานที่สูงและต้นทุนจะถูกโอนไปให้ผู้บริโภคแบกรับต่อในอนาคต

ที่มา : South China Morning Post