ประเมินตลาด Podcast รายใหญ่สะดุด รายเล็กสะเทือน คุณภาพเสียงลดลง ผลกระทบจาก COVID-19

การระบาดทั่วโลกของ COVID-19 ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของทุกคนทุกสาขาอาชีพ สังคมพอดคาสต์ (Podcast) ก็ไม่แตกต่างกัน วันนี้รายการ Podcast ชื่อดังในสหรัฐฯ ตัดใจลดเวลาใช้สตูดิโอลง ขณะที่ทีมผู้ผลิตก็ขยับไปทำงานจากระยะไกลเกือบเต็ม 100% รายการในสถานีวิทยุสาธารณะก็ถูกเลื่อนออกไปก่อน ขณะที่อินดี้รายย่อยส่อแววถูกเลื่อนทำสัญญา คาดว่าจะมีการปรับบิสสิเนสโมเดลใหม่เพื่อรับมือกับภาวะเงินสะพัดน้อยลง

ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลายสถานีวิทยุในสหรัฐฯ ที่มีพนักงานจำนวนมากเริ่มใช้แผนการเตรียมความพร้อมเพื่อสกัด COVID-19 ทั้งการจัดรายการจากระยะไกล การจำกัดให้เฉพาะบุคลากรฝ่ายผลิตที่จำเป็นเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าใช้สำนักงาน ยังมีการงดการเดินทางที่ไม่จำเป็น และการเน้นสื่อสารใกล้ชิดกับพนักงาน ซึ่งแม้นโยบายเหล่านี้จะระบุวันเริ่มมีผลบังคับใช้ แต่ยังไม่ระบุวันสิ้นสุดเพราะต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป

ผลคือเกือบทุกสถานีวิทยุ และห้องข่าวผู้ผลิต Podcast รายใหญ่ล้วนเตรียมออกอากาศจากระยะไกลแบบยาวๆ ซึ่งหากสถานการณ์เลวร้ายลง หรือสำนักงานใหญ่มีไวรัสปนเปื้อน ทุกอย่างก็จะยังดำเนินต่อไปได้แบบไม่สะดุด ทั้งหมดนี้แปลว่าวงการ Podcast กำลังถูกปฏิวัติอย่างรวดเร็ว รุนแรง และส่งผลต่อไปอีกนาน

คุณภาพเสียง Podcast ลด

ผลกระทบที่ผู้ฟัง Podcast จะได่รับมากที่สุดคือคุณภาพเสียง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Social Distancing หรือการงดเข้าสังคมเพื่อป้องกันโรคนั้นทำให้ทุกบริษัทเน้นลดเวลาใช้งานสตูดิโอบันทึกเสียง เพื่อให้พนักงานไม่ต้องอยู่ในห้องปิดที่เสี่ยงต่อไวรัส การลดนี้ทำให้หลายบริษัทต้องจัดหาชุดอุปกรณ์บันทึกเสียงราคาย่อมเยาให้ทีมงาน Podcast สามารถทำงานที่บ้านได้ ซึ่งผลที่ตามมาชัดเจนคือคุณภาพเสียง Podcast ในช่วงนี้จะลดลงกว่าการบันทึกเสียงจากสตูดิโอไม่มากก็น้อย

ผู้จัด Podcast ในสหรัฐฯ วันนี้ต้องขอให้พนักงานวางแผนและบันทึกเสียง Podcast เป็นกรณี  ไป บางชิ้นถูกเลื่อนหรือพักการผลิตไว้เพื่อรอดูสถานการณ์หลังกลางปีไปแล้ว เช่นรายการที่เน้นถ่ายทอดบรรยากาศงานอีเวนท์น่าสนใจ ก็ต้องงดไปก่อนตามอีเวนท์ที่ถูกยกเลิกทั่วโลก หรือรายการตลกที่ไม่อาจสร้างสีสันได้เต็มที่ เพราะต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมสตูดิโอ

นอกจาก “Podcast รายวาระ ผู้จัด “Podcast แบบรายวัน ก็ยังท้าทายมากโดยเฉพาะการสัมภาษณ์แขกรับเชิญผ่านอุปกรณ์ที่บ้าน การบันทึกเสียงในเครื่องบันทึกปกติผ่านหูฟังที่เชื่อมกับโทรศัพท์มือถือที่ต้องโทรออกเพื่อฟังบทสัมภาษณ์กับโปรดิวเซอร์และแขกรับเชิญ โดยที่ต้องจัดการกับสถานการณ์เสียงรบกวนและพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยในบ้านนั้นไม่ง่ายสำหรับผู้จัดทุกคน

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยังอยู่ที่การใช้โทรศัพท์แทนการส่งทีมงานออกไป “ซิงค์เทป” หรือการบันทึกเสียงนอกห้องสตูดิโอแบบสมจริง ผู้จัด Podcast หลายรายต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันบันทึกเสียงบนโทรศัพท์ของตัวเองเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งแม้คุณภาพเสียงของ Podcast จะได้รับผลกระทบ แต่ผู้จัด Podcast ก็รับได้เพราะสุขภาพและการหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัสเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้

อินดี้อ่วมเลื่อนสัญญา

ขณะที่ผลกระทบของสตูดิโอใหญ่คือเรื่องคุณภาพเสียงและความไม่สะดวกสบายในการจัดรายการ แต่บริษัทอินดี้ขนาดย่อมที่ลงมือทำธุรกิจ Podcast ต่างก็กังวลกับภาวะถูกเลื่อนสัญญา ผลจากการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่มีผลโดยตรงต่อธุรกิจ ทั้งในระยะสั้นและภาพรวมเศรษฐกิจตกต่ำที่อาจเกิดในระยะยาว

สำนัก vulture.com บอกว่าผู้จัด Podcast รายย่อยในสหรัฐฯมีสถานการณ์ไม่ต่างจากสตูดิโอใหญ่ ทั้งการสัมภาษณ์และการซิงค์เทปที่ถูกยกเลิกไปทั่วโลกเพราะ Social Distancing ทำให้แขกรับเชิญไม่สามารถเข้ามาร่วมบันทึกรายการได้ ผู้ผลิตที่จำเป็นต้องเน้นการบันทึกเสียงคุณภาพสูงก็จำเป็นต้องเลื่อนการสัมภาษณ์ออกไป ขณะที่ผู้จัด Podcast บางรายจำเป็นต้องสอนและให้ความรู้แขกรับเชิญ เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือบันทึกเสียงระยะไกล การเสียเวลาในส่วนนี้กำลังเป็นปัญหาคาใจทีมงานหลายคน เพราะหลายโปรเจ็กต์คิดราคาค่าจัดทำแบบคงที่ ซึ่งทีม Podcast อินดี้เหล่านี้ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปเจรจา เพราะผลงานที่ได้คือ Podcast สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญที่มี “ไมโครโฟน USB ราคาถูก” อยู่ที่บ้านเช่นกัน

เวลานี้ งาน Podcast อินดี้ในสหรัฐฯจำนวนมากถูกเลื่อนออกไป ทำให้ทุกอย่างต่างไปจากเดิมที่มี Podcast ซีซั่นใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ผู้ที่มีสัญญาทำ Podcast ระยะยาวที่ถูกเลื่อนเช่นนี้อาจจะเซ็งหัวใจ แต่ผลกระทบโดยตรงอยู่กับผู้ที่ทำ Podcast ในอัตรารายวันหรือต่อโครงการ ซึ่งหากไม่มีการบันทึกเสียง Podcast ก็จะไม่มีรายได้ จุดนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะมี Podcast อินดี้อีกมากที่ได้รับผลกระทบในส่วนนี้

ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกยังทำให้หลายแบรนด์เลื่อนการทำสัญญากับทีม podcast อินดี้ออกไปก่อน แต่ก็มีผู้ผลิต podcast บางส่วนที่ยืนยันว่าจะไม่มีการลดการผลิตในช่วงที่ผู้คนต้องอยู่บ้านตลอดเวลา โดยสถิติพบว่าผู้ฟัง podcast หรือ online audio อย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือนในสหรัฐฯ นั้นเพิ่มขึ้น 68% ในปีนี้ ทำตัวเลขสวยงามที่ 192 ล้านคน

Pandora และ Spotify คือบริการ online audio ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐฯ ครองส่วนแบ่ง 25% ของฐานผู้ใช้รวมในสหรัฐฯ ชนะทั้งบริการของ Amazon Music (14%), Apple Music (12%), iHeartRadio (11%), Google Play (9%) และ SoundCloud (8%)