หนึ่งในสินค้าที่ต้องคิดหนักในช่วงการระบาดของ COVID-19 คือภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากผู้บริโภคจะชะลอการตัดสินใจซื้อแล้ว ลูกค้าที่ยังมีความต้องการก็อาจจะไม่กล้าเดินทางมาเยี่ยมชมโครงการ ทำให้หลายบริษัทพร้อมใจกันงัดกลยุทธ์พิเศษ ลูกค้าสามารถ “วิดีโอคอล” ผ่านระบบต่างๆ ให้เซลส์โครงการพาทัวร์เสมือนจริงได้เลย
สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้บริษัทอสังหาฯ อย่างน้อย 4 แห่งปรับกลยุทธ์เฉพาะหน้าสู้ไวรัส เพิ่มฟังก์ชันให้ลูกค้าสามารถวิดีโอคอลออนไลน์มาคุยกับเซลส์โครงการได้ ไม่ว่าจะเป็น บมจ.เอพี (ไทยแลนด์), บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และ บมจ.แสนสิริ
สำหรับ เอพี นั้น มีการจัดทำระบบ AP vTour ขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยเป็นช่องทางให้ลูกค้าที่สนใจจองเวลาเยี่ยมชมออนไลน์ผ่าน www.apthai.com/live/vTour จากนั้นจะได้รับลิงก์เว็บไซต์เพื่อชมการไลฟ์สดของเซลส์โครงการที่สนใจ โดยเป็นการ Live แนะนำโครงการแบบ exclusive ให้กับลูกค้าที่จองเวลาเข้ามา แต่ลูกค้าสามารถแชร์ลิงก์ให้คนในครอบครัวหรือเพื่อนมาร่วมชมสดด้วยกันได้ และแชทสดถาม-ตอบกับเซลส์ได้ทันที
ทั้งนี้ เอพีนำร่องใช้ระบบนี้กับโครงการทาวน์โฮม 3 แห่งก่อน คือ The Edition พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา, บ้านกลางเมือง พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา และ PLENO พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา 2 แต่มีแผนที่จะขยายไปโครงการอื่นๆ ต่อด้วย
ด้าน พฤกษา เปิดระบบเยี่ยมโครงการออนไลน์เช่นกัน โดยมีทั้งการ Live สดผ่าน Facebook และลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน Line เพื่อคุยกับทีมเซลส์ถ้าหากต้องการชมห้องจริงแบบสดๆ สุดท้ายมีระบบ Online Booking 24 ชั่วโมง รองรับเมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อ โดยไม่ต้องเข้ามาที่โครงการ
ส่วน พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เริ่มเปิดระบบ “คุณแชทมา เราพาชม” ผ่านช่องทาง Line แยกเป็น Line@ ของกลุ่มบ้าน-คอนโดฯ ตามแบรนด์หรือตามโซนต่างๆ สามารถทักแชทเพื่อขอชมพรีเซนเทชันแต่ละส่วนของโครงการซึ่งบริษัทได้จัดทำไว้แล้ว และถ้ายังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือชมบางยูนิตที่สนใจเป็นพิเศษ สามารถนัดเวลาขอ Live สดผ่านวิดีโอคอลกับเซลส์โครงการ ทำได้ทั้งหมดกว่า 50 โครงการที่เพอร์เฟคเปิดขายขณะนี้
ปิดท้ายที่ แสนสิริ จากปกติที่มี Sales Gallery 360 องศาอยู่แล้ว ขณะนี้สามารถคุยกับเซลส์ผ่าน Line ของแสนสิริเพื่อเยี่ยมชมโครงการเสมือนจริงได้ และมีระบบ Online Booking 24 ชั่วโมงรองรับ 10 โครงการของแสนสิริ หากลูกค้าตัดสินใจซื้อสามารถซื้อได้ทันทีบนออนไลน์
เลี้ยงความสนใจลูกค้าจนกว่า COVID-19 จะดีขึ้น
“วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต” กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยกับ Positioning ว่า กลยุทธ์ชมสดผ่าน Line เป็นครั้งแรกที่ปูพรมทำทุกโครงการ เพื่อรองรับสถานการณ์โดยเฉพาะ โดยหวังว่าจะทดแทนการเยี่ยมชมโครงการจริงของลูกค้าได้
“ปกติลูกค้าซื้อบ้านมักจะขับรถวนดูโครงการที่สนใจหลายแห่ง และมักจะมาหลายครั้งกว่าจะตัดสินใจซื้อจริง เราก็หวังว่าการชมออนไลน์จะทดแทนการเข้ามาชมโครงการด้วยตนเองได้ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น เราจะเป็นโครงการที่เขาเลือกไว้ในใจ พอลูกค้ามาที่โครงการจริงจะได้ตัดสินใจซื้อได้เลย” วงศกรณ์กล่าว
เขาเสริมว่า หลังเปิดให้ชมผ่านช่องทาง Line มาประมาณ 2 สัปดาห์ ยังไม่สามารถปิดการขายบ้านหรือทาวน์เฮาส์ได้ทันทีบนออนไลน์ “เพราะลูกค้าก็ยังต้องการเข้าไปดูของจริงก่อน” แต่ถ้าเป็นกลุ่มคอนโดฯ สามารถปิดการขายได้แล้วหลายยูนิต เพราะลูกค้ามีความมั่นใจตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่า
ด้าน “ภมร ประเสริฐสรรค์” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) มองว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าการขายผ่านออนไลน์จะทดแทนยอดขายปกติได้มากน้อยแค่ไหน และลูกค้าจะมี customer journey อย่างไรบ้าง ซึ่งเอพีจะนำผลการทดลองไปปรับใช้ต่อไปเพื่อวางเทคนิคการขายในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ผลตอบรับจนถึงขณะนี้มีลูกค้าให้ความสนใจ AP vTour พอสมควร แสดงให้เห็นว่าลูกค้ายุคนี้มีความคุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยี
เทียบเคียง Online Booking เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว
กลยุทธ์ออนไลน์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของวงการอสังหาฯ ก่อนหน้านี้หลายแบรนด์มีการทำ Sales Gallery 360 องศา และระบบ Online Booking อยู่แล้วเป็นบางโครงการ และได้รับผลตอบรับที่ดี
อย่างเอพีนั้น ภมรกล่าวว่า โครงการที่เปิดให้จองออนไลน์มักจะคัดเลือกยูนิตจำนวน 10% ของทั้งโครงการมาขาย และสามารถขายได้ทั้งหมด
ค่ายแสนสิริก็เช่นกัน “ปิติ จารุกำจร” รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวสูงและบริหารกลยุทธ์โครงการ บมจ.แสนสิริ เคยให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า เมื่อปี 2562 แสนสิริมียอดขายจาก Online Booking ประมาณ 5% ของยอดขายรวม โดยได้ยอดขายสูงขึ้นมากหลังร่วมเปิด Official Shop บน Lazada ทำให้ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายจาก Online Booking สูงขึ้นเป็น 500 ล้านบาท
ประสบการณ์ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคบางส่วนมีความพร้อมที่จะซื้ออสังหาฯ ออนไลน์ ยิ่งมีบริการ Live หรือวิดีโอคอลสดๆ กับเซลส์น่าจะช่วยกระตุ้นได้มากขึ้น เหลือก็เพียงความมั่นใจต่อเศรษฐกิจในอนาคตของลูกค้าที่จะเป็นตัวแปรสำคัญว่า “จะซื้อหรือไม่ซื้อ”