ในช่วงล็อกดาวน์อย่างนี้ แน่นอนไม่ได้มีแค่ ‘TikTok’ ที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ ‘LINE TV’ ก็เป็นอีกแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมไม่น้อยในช่วงนี้ โดยเดือนที่ผ่านมามียอดการรับชมเพิ่มขึ้นจากปกติถึง 45% ขณะที่มีการรับชมผ่าน ‘จอใหญ่’ กว่า 6 ล้านครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าผู้ชมไม่ได้ต้องการรับชมผ่านสมาร์ทโฟนอย่างเดียว
มั่นใจ ‘King of Thai Content’
กณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดตัว LINE TV ได้ 6 ปี ด้วยยอดวิวรวมกว่า 6 พันล้านวิวในแต่ละปี ปัจจุบันมีทั้งละคร ซีรีส์ ซิทคอม ภาพยนตร์ รายการวาไรตี้ รวมถึง Original Content รวมมากกว่า 1,000 รายการ จากพันธมิตรกว่า 250 ราย และมีฐานคนดูที่เป็นผู้ใช้งาน LINE กว่า 40 ล้านคน ส่งผลให้ LINE TV เป็น King of Thai Content ในตลาด OTT TV (Over-the-Top TV) อย่างไรก็ตาม การจะก้าวไปสู่ผู้นำในตลาดในระยะยาวไม่ใช่แค่ดูฟรี และเข้าถึงง่าย แต่ต้องพัฒนาจุดแข็งด้านความหลากหลายในเชิงลึก
ส่ง 5 Original Content ลุยตลาดครึ่งปีหลัง
ในครึ่งปีหลัง LINE TV เตรียมปล่อย 5 ซีรีส์ใหม่ มาลุยตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยใช้ Big Data ข้อมูลด้าน Engagement จากคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มประกอบกับประสบการณ์ของทีมงาน LINE TV และพันธมิตรผู้ผลิตมาวิเคราะห์เพื่อสร้าง Content ให้ตรงใจคนดู ซึ่งที่ผ่านมา LINE TV ได้ร่วมกับพันธมิตร อาทิ GMMTV,GDH559, Nadao Bangkok ปั้น Original Content กว่า 72 เรื่อง บางเรื่องสามารถกวางรางวัลมาได้ด้วย อาทิ Asian Television Awards ครั้งที่ 24 จาก The Deadline และ Little Nirin รวมถึงรางวัลใหญ่อย่าง Cable, Satellite or Online Network of The Year
เพิ่มละครพื้นบ้านและซีรีส์วายเอาใจสาวก
นอกจากละครดราม่าจะครองยอดวิวอันดับหนึ่งแล้ว คอนเทนต์ประเภท ซีรีส์วาย ยังถือเป็นกลุ่มคนดูที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งปัจจุบัน LINE TV มีถึง 33 เรื่องมากสุดในไทย อย่าง En of Love สามารถสร้างยอดชมเพิ่มสูงถึง 142% สามารถขยายฐานไปถึงกลุ่มคนดูอายุ 65 ปีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขณะเดียวกันก็ได้เพิ่มคอนเทนต์ประเภทละครพื้นบ้านซึ่งมียอดชมเติบโตขึ้นกว่าเท่าตัว อาทิ แก้วหน้าม้า, ขวานฟ้าหน้าดำ, นางสิบสอง และ พระสุธน มโนราห์ ขณะที่คอนเทนต์ประเภทการ์ตูนอะนิเมชั่นก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี เช่น ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน, นารูโตะ, และวันพีซ ฯลฯ ทำให้ยอดวิวเพิ่มสูงสุดถึง 47%
ในยุคที่คนดูมีทางเลือกมากมาย เพราะแค่ในไทยก็มีแพลตฟอร์มถึง 8 แพลตฟอร์มเข้าไปแล้ว ดังนั้นหมัดสำคัญในการขับเคลื่อนให้แพลตฟอร์มสามารถครองใจฐานคนดูในวงกว้าง และสามารถแข่งขันบนตลาด OTT TV ก็คือ “การสร้างความหลากหลายของคอนเทนต์” เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ชมไม่ใช่แค่รีรัน
