ทำความรู้จัก App ‘StartDee’ โดย ‘ไอติม พริษฐ์’ กับจุดมุ่งหมาย ‘ลดเหลื่อมล้ำ’ ด้านการศึกษา

ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ซีอีโอ บริษัท เอ็ดดูเคชั่น เทคโนโลยี จำกัด

ถ้าพูดถึงชื่อของ ‘ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ’ ภาพจำของหลายคนคงยังติดที่ ‘นักการเมือง’ รุ่นใหม่ไฟแรงแห่งพรรคประชาธิปัตย์ หลานชายของ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ แต่ปัจจุบันไอติมได้วางมือจากเรื่องการเมืองชั่วคราว และหันมาสวมหมวกของซีอีโอ บริษัท เอ็ดดูเคชั่น เทคโนโลยี จำกัด โดยพัฒนาแอปพลิเคชันด้านการศึกษา ‘StartDee’ ที่เปรียบเสมือน ‘Netflix’ ของการศึกษาไทย พร้อมมีเป้าหมายที่จะลดความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย

การศึกษาลดความเหลื่อมล้ำได้ 39%

ไอติม เล่าว่า จุดเริ่มต้นที่หันมาทำด้านการศึกษาเพราะเชื่อว่าการศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาหลาย ๆ อย่าง ทั้งเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ประกอบกับการประเมิน PISA ในปี 2018 จาก 79 ประเทศทั่วโลกประเทศไทยได้อันดับที่ไม่ค่อยดีนัก โดยคณิตศาสตร์อยู่ที่อันดับ 58 วิทยาศาสตร์อยู่อันดับที่ 54 และการอ่านอยู่อันดับที่ 67 ในขณะที่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงขนาดใหญ่มีผลการเรียนที่เทียบเท่ากับโรงเรียนชั้นนำระดับโลก ส่วนโรงเรียนขนาดเล็กกว่า 15,000 แห่ง อาจจะขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน หรือคุณครูที่มีไม่เพียงพอสำหรับทุกระดับชั้น ซึ่งหากเด็กไทยทั่วประเทศกว่า 8 ล้านคน ได้รับการศึกษาที่เหมือนกัน ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนที่รวยที่สุดกับคนที่จนที่สุดจะลดลงได้ถึง 39% (ข้อมูลจาก UNESCO)

ไม่ได้มาแทนแต่มา เสริม โรงเรียน

การศึกษาที่ดี 1.ต้องมีคุณภาพ 2.ราคาไม่สูง และ 3.เข้าถึงง่าย แต่ทางเลือกในปัจจุบันยังสามารถตอบโจทย์ได้แค่ 2 ใน 3 ดังนั้น StartDee จะมาช่วยปลดล็อกตรงนี้ ดังนั้น เทคโนโลยีไม่ได้มาแทนโรงเรียนโดยสิ้นเชิง เพราะแต่ละส่วนก็มีจุดเด่นแตกต่างกัน อาทิ โรงเรียนมีเนื้อหาที่ครอบคลุมกว่า, ครูสามารถทำความรู้จักกับนักเรียนได้ดี และนักเรียนได้เจอกับเพื่อน ๆ ขณะที่ออนไลน์ก็มีจุดเด่นที่ต่างจากโรงเรียน อาทิ สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ตลอดเวลา, สามารถรวมครูเก่ง ๆ ไว้ในที่เดียว ดังนั้นการเรียนออนไลน์จะมาช่วยเสริมการเรียนปกติ

สำหรับ StartDee มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็น GenZ ขณะที่การเข้าถึงแอปพลิเคชันก็ทำได้ง่าย เพราะนักเรียนทั่วประเทศไทยกว่า 86% มีสมาร์ทโฟน และ 82% สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และในส่วนของหลักสูตร จะมีตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ครอบคลุม 7 วิชาหลัก มีการเรียนการสอนทั้งคลาสประจำวัน คลาสไลฟ์สด อีกทั้งสามารถดูย้อนหลังได้ มีแบบฝึกหัด ชีทสรุปบทเรียน ช่วยให้สามารถทบทวนบทเรียนได้ด้วยตัวเองตามความต้องการได้อย่างไม่จำกัด

ไม่ ฟรี แต่ ถูก

เพราะด้วยความเป็นบริษัทเอกชน ดังนั้นจำเป็นต้องทำรายได้เพื่อหล่อเลี้ยงบริษัทและเงินเดือนของครูผู้สอน แต่โจทย์ที่ต้องการให้เข้าถึงง่าย ราคาจึงต้องไม่สูง ดังนั้นจึงตั้งราคาเริ่มต้นเพียง 200–300 บาทต่อเดือน ซึ่งถ้าเทียบกับการเรียนพิเศษในรูปแบบต่าง ๆ ถือว่าถูกกว่า 10-15 เท่า และเพื่อเป็นการลดช่องว่างในการขาดหายไปจากการเรียนรู้ในช่วงที่โรงเรียนถูกเลื่อนเปิดเทอม จึงเปิดให้เรียนฟรี ระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน 2563

ทั้งนี้ Startdee มีพันธมิตรทั้งภาครัฐ-เอกชน ร่วมขับเคลื่อนอนาคตการศึกษาไทย อาทิ เอไอเอส (AIS) ที่ช่วยสนับสนุนอินเทอร์เน็ต ร่วมพัฒนาคอนเทนต์ด้านทักษะดิจิทัล พร้อมกับแจกซี้ดซิม (ZEED SIM) ให้ใช้บริการแอปพลิเคชัน StartDee โดยไม่เสียค่าอินเทอร์เน็ต, การีนา (Garena) ได้เข้ามาร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาและพัฒนาทักษะรอบด้านให้เยาวชน ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียนและการเรียนรู้ตลอดชีวิต และ กสศ. (กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) ที่ร่วมทำงานวิจัยเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์สำหรับนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมทั้งโรงเรียนอีกหลายแห่งทั่วประเทศ ที่ร่วมทดลองใช้งานและพัฒนาแอปพลิเคชัน

สำหรับแอปพลิเคชันด้านการศึกษา “StartDee” iOS ดาวน์โหลดได้ที่ App Store (https://apple.co/3diWevO) Android ดาวน์โหลดได้ที่ Play Store (https://bit.ly/2WasAlx) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม www.facebook.com/startdeethailand และ http://startdee.com