“เถ้าแก่น้อย” เปิดงบไตรมาส 1/63 รายได้ลดลง 13.3% แต่กำไรเพิ่มขึ้น หลังออเดอร์จากจีนดีขึ้น

เถ้าแก่น้อยเปิดผลประกอบการไตรมาส 1/2563 มีรายได้ 1,110 ล้านบาท ลดลง 13.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากผลกระทบการแพร่ระบาด COVID-19 แต่มีกำไรสุทธิ 85.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หลังควบคุมต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายต่างๆ

ขณะที่ไตรมาส 2/2563 แนวโน้มยอดสั่งซื้อจีนเริ่มดีขึ้น พร้อมปรับแผนการตลาด ลุยขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภค

อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN กล่าวว่า 

“ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 มีรายได้รวม 1,110 ล้านบาท ลดลง 13.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งกระทบกับยอดขายในกลุ่มประเทศต่างๆ โดยเฉพาะการขายผ่านผู้แทนจำหน่ายในประเทศจีน และตลาดนักท่องเที่ยว”

ขณะเดียวกันมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 85.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการควบคุมต้นทุนทั้งด้านการผลิต และการจัดจำหน่าย รวมถึงยอดขายของบริษัทในเครือที่สหรัฐอเมริกามีอัตราการเติบโต และลดผลขาดทุนลงอย่างชัดเจน

ตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยอดคำสั่งซื้อจากประเทศจีนเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 เริ่มคลี่คลาย การกระจายสินค้าเข้าสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายในมณฑลต่างๆ ของจีนทำได้ดีขึ้น และคาดการณ์ว่าส่งผลดีต่อเนื่องกับการดำเนินงานไตรมาส 2/2563

ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนการจัดประเภทสินค้า เพื่อให้มีทิศทางและการเติบโตที่ชัดเจน โดยจัดประเภทกลุ่มขนมขบเคี้ยวเป็น กลุ่ม ได้แก่

1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่ทำจากพืชเป็นหลัก (Plant based snack)

2. กลุ่มขนมขบเคี้ยวมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าสินค้า (Premium Snack) อาทิสาหร่ายทอดเทมปุระไข่เค็ม 

3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวประเภทโปรตีนสูง (Protein Snack) รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริม (Supplement)