“เซ็นทรัล รีเทล” ชูยุทธศาสตร์ 5 พร้อม ตอบโจทย์ลูกค้ายุค NOW NORMAL ยกระดับมาตรฐานสุขอนามัย เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) ประกาศแผน “ยุทธศาสตร์ 5 พร้อม” ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันแพลตฟอร์มค้าปลีกและบริการ (Central Retail & Service Platform) ของประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจค้าปลีกทางด้านแฟชั่น อาหาร และ ฮาร์ดไลน์รวมทุกช่องทางทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ดึงแรงงานไทยกว่า 19 ล้านคน (คิดเป็น 57% ของลูกจ้างในระบบทั้งหมด 33 ล้านคน) พร้อมทั้งขับเคลื่อนและเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ผลักดันเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างและกระจายรายได้คืนสู่คนไทยทุกระดับ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ รวมถึง SMEs ที่มีกว่า 450,000 ราย ผลักดันธุรกิจค้าปลีกมูลค่ากว่า 3.5 ล้านล้านบาท และธุรกิจบริการที่มีสัดส่วนเป็น 54% ของ GDP ประเทศไทย

ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางทีมผู้บริหารได้ติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และวางแผนรับมือกับวิกฤตมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้นำ “Central Retail & Service Platform” มาเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันธุรกิจค้าปลีกและบริการของประเทศให้เติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ เราเน้นความสำคัญที่ 2 เรื่องหลักคือ 1. เรื่องความสะอาดและสุขอนามัย โดยเรายึดมั่นและปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐ พร้อมยกระดับการรักษาความสะอาดด้วยระบบอัจฉริยะให้เข้มข้นยิ่งขึ้น และ 2. เรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก และเชื่อมโยงประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ ให้มาอยู่บนแพลตฟอร์มนี้ เพื่อกระตุ้นการสร้างงาน สร้างรายได้ ลดค่าครองชีพ ไปจนถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน ด้วยแผน “ยุทธศาสตร์ 5 พร้อม” ที่จะตอบโจทย์ความท้าทายในยุคนิวนอร์มอล (New Normal) ซึ่งได้พัฒนาไปสู่ความเป็น นาวนอร์มอล (NOW NORMAL) หรือ “โลกแห่งวิถีชีวิตปัจจุบัน” อย่างแท้จริง นับเป็นมิติใหม่ที่เราทุกคนกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  1. พร้อม…พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ด้วยการช่วยเหลือครบวงจร

โดยได้ดำเนินการไปแล้วใน 3 มิติ ดังนี้

  • ดึงแรงงานไทยกว่า19ล้านคน จากทั้งหมด 33 ล้านคน กลับเข้าสู่“Central Retail & Service Platform”ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วยเพิ่มอัตราการจ้างงาน และพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก พร้อมจัดพื้นที่จำหน่ายสินค้าฟรีทั่วไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ณ ศูนย์การค้าในเครือ อาทิ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์, ท็อปส์ พลาซ่า และไทวัสดุ รวมถึงช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ ท็อปส์ออนไลน์, เซ็นทรัล ออนไลน์ และโรบินสัน ออนไลน์เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรชุมชน และผู้ประกอบการขนาดเล็ก-ขนาดกลาง (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงกว่า 450,000 ราย ได้กลับเข้ามาจำหน่ายสินค้า และเกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจไทย
  • เพิ่มปริมาณการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตร-สินค้าชุมชนโดยท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ร่วมสนับสนุนเกษตรกรไทย ด้วยการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปจาก 1,170 ชุมชนทั่วประเทศ จำนวน 9,000 รายการพร้อมเปิดพื้นที่จำหน่ายที่ท็อปส์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และจริงใจ
    มาร์เก็ตทุกสาขา เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยมากกว่า 24,000 ครัวเรือนให้มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
  • ล็อกราคาสินค้ากว่า 23,000 รายการนาน 3 เดือน พร้อมร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการลดราคาสินค้า 5-68% กว่า 3,000 รายการ ตลอดปี 2563 ที่ท็อปส์ และแฟมิลี่มาร์ททุกสาขา เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน
  1. พร้อม…ยกระดับและชูมาตรฐานความสะอาดต่อยอดความแข็งแกร่งระบบสาธารณสุขไทย

ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขั้นสูงสุดเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจที่จะกลับมาเดินห้างสรรพสินค้า, ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ และ ร้านค้าต่างๆในเครืออย่างไร้กังวล พร้อมนำแพลตฟอร์มเชื่อมโยงกับภาครัฐและเอกชน เพื่อรองรับการเปิดเมืองอย่างปลอดภัย โดยมีรายละเอียดดังนี้

มาตรฐานด้านสุขอนามัย

  • ปฏิบัติตามนโยบายป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เช่น การสวมหน้ากากตรวจวัดอุณหภูมิบริการเจลล้างมือพนักงานสวมใส่Face shield และถุงมือ เป็นต้น รวมทั้งนำเทคโนโลยีการอบโอโซน และ UVC มาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคบนธนบัตร รวมถึงสินค้าที่ต้องสัมผัสกับลูกค้าโดยตรง นอกจากนี้ท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮออล์ ยังจัดช่วงเวลาพิเศษ และช่องจ่ายเงินพิเศษ (Fast lane) ให้แก่ผู้สูงอายุ คนพิการ และสตรีมีครรภ์ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำด้านความปลอดภัย ได้แก่ “หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวี-ซี”และ “เครื่องช่วยวัดอุณหภูมิอัจฉริยะ”

มาตรฐานด้าน Social Distancing

  • จำกัดจำนวนคนเข้าศูนย์ฯ 1 คน ต่อ 5 ตร.ม. และจัดระยะห่างบริเวณจุดต่างๆ เช่น จุดชำระเงิน ลิฟต์ บันไดเลื่อน และที่นั่งของ Delivery man

มาตรฐานด้าน Trace & Tracking

  • จัดทำระบบ ‘Safety Tracking’ เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพของพนักงานและลูกค้าที่มาใช้บริการใน

โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ และห้างฯ รวมถึงร้านค้าต่างๆ

  1. พร้อม…ใช้นวัตกรรมและสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุค Seamless & Contact-free Economy
    • ชูคอนเซ็ปต์ “Central Retail Smart FIN” ผ่าน “One-Click” ด้วยแอปพลิเคชั่น “Dolfin” จากเซ็นทรัล เจดี ฟินเทค (บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัล และเจดี ดิจิตอล) ซึ่งสามารถสแกนจ่ายเงินได้ทันที โดยไม่ต้องจับเงินสด หรือบัตรเครดิต ที่ธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทลกว่า 3,100 จุดทั่วประเทศถือเป็นการยกระดับเรื่องความสะอาด และช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส พร้อมบริการเพิ่มเติมจากแอปพลิเคชั่นที่มอบความสะดวกสบายและประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าอย่างครบวงจรอาทิบริการ “Order & Collect” คลิกสั่งไว ไร้สัมผัสจ่ายเงินง่ายในแอป และรับของได้ที่หน้าร้าน เริ่มใช้แล้วที่ท็อปส์ 10 สาขานำร่องและร้านอาหารในเครือเซ็นทรัลฯพร้อมทั้งยังมีบริการตอบสนองความต้องการด้วย OmnichannelPersonalizationผ่าน Digital Platform ให้ลูกค้าสะสม และใช้ Digital Voucher เมื่อจ่ายผ่านแอป DolfinและรับThe 1 Point เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่จ่ายตอบโจทย์และตรงใจลูกค้ายุคดิจิตอลเป็นอย่างดี
  1. พร้อม…ต้อนรับ และให้บริการลูกค้าทุกช่องทางในยุค NOW NORMAL

ไม่ว่าลูกค้าจะมาที่ห้างร้าน หรืออยู่ที่บ้าน ต้องได้รับบริการ และประสบการณ์ที่ดีทุกช่องทาง ผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชแนล ที่ออกแบบการบริการให้เหมาะกับกลุ่ม Customer Segment ดังนี้

  • กลุ่มชอบคลิก: บริการ application และ webstores
  • กลุ่มชอบแชต : Chat & Shop สั่งสินค้าผ่าน Line Official Account พร้อมพนักงานและ
    แชทบอทพูดคุย และให้คำแนะนำ เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวในการช้อปปิ้งและมีการพัฒนาระบบดิลิเวอรี่ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • กลุ่มชอบโทร : บริการ Call & Shop สั่งสินค้าผ่าน Call Centerโดยจะมีพนักงานคอยสนทนา และให้ความช่วยเหลือในการช้อปปิ้งเป็นรายบุคคล สามารถเลือกส่งสินค้าที่บ้าน หรือมารับเองที่สาขาก็ได้
  • กลุ่มชอบความสะดวก :
    • บริการ Drive Thruบริการพนักงานส่งสินค้าถึงรถ สะดวก ง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องลงจากรถ
    • บริการ Click & Collect สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และมารับได้ที่สาขา
    • บริการ E-orderingกรณีสินค้าไม่มีจำหน่ายในร้าน พนักงานขายหน้าร้านสามารถใช้แท็บเล็ตเช็คสต๊อกสินค้าออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ เพื่ออำนวยสะดวก และประสานให้ลูกค้ามารับสินค้าได้ภายหลัง หมดปัญหาเรื่องพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้า ไม่ว่าร้านเล็กหรือใหญ่ก็มีสินค้าครบทุก SKU เหมือนกัน โดยเริ่มบริการนี้แล้วที่เพาเวอร์บาย และจะขยายต่อให้ครบทุกธุรกิจในเครือ
  • กลุ่มชอบจองก่อนใคร:บริการ Reserve & Collectกดจองสินค้าออนไลน์ แล้วมาชมสินค้าจริง หรือทดลองก่อนตัดสินใจซื้อ พร้อมชำระเงินได้ที่สาขา ภายในเวลา 24 ชั่วโมงหลังกดจองสินค้า และ บริการ 1-hour pickupลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และมารับที่สาขาได้ภายใน 1 ชั่วโมง เลือกชำระเงินได้ทั้งช่องทางออนไลน์ หรือหน้าร้าน
  1. พร้อม…เร่งเครื่องแพลตฟอร์ม Central Retail & Service อย่างเต็มที่ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วน
    • ขยายการลงทุนต่อเนื่องในส่วนที่สำคัญต่อธุรกิจ(Future Growth)อาทิ นวัตกรรม, เทคโนโลยี, พัฒนาทักษะบุคลากร (Reskill People) และพัฒนาออมนิแชแนลแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกภาคส่วน รวมไปถึงการขยายสาขาต่างๆ ทั้งในประเทศไทย และเวียดนาม เช่น
      ไทวัสดุ, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์,ท็อปส์ มาร์เก็ต และ GO! เวียดนาม
    • มุ่งมั่นที่จะเป็น Center of life หรือ “ศูนย์กลางชีวิตผู้คน”โดยใช้ความแข็งแกร่งของ “Central Retail & Service Platform”ที่ครอบคลุมทั้งหน้าร้าน และออนไลน์ (Physical & Online store) ทำให้แพลตฟอร์มนี้เป็นศูนย์รวมของลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร ซัพพลายเออร์ และธุรกิจ SMEs ต่างๆ พร้อมสนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกร และเศรษฐกิจฐานราก สามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของเราได้อย่างเต็มที่และเท่าเทียม
    • นำโมเดลต้นแบบออมนิแชแนลที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย ต่อยอดไปยังธุรกิจต่างประเทศ อาทิ บริการออนไลน์ และออมนิแชแนล ที่จะเปิดตัวที่รีนาเชนเต ประเทศอิตาลี ในเดือนมิถุนายนนี้ รวมถึงเหงียนคิม ในประเทศเวียดนามที่เตรียมเปิดตัวบริการออมนิแชแนลด้วยเช่นกัน

“New Normal ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้กลายมาเป็น NOW NORMALของการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจในวันนี้ซึ่งเซ็นทรัล รีเทลมั่นใจว่า“ยุทธศาสตร์5 พร้อม” และ “Central Retail & Service Platform”ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของคนไทย สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ของคนไทยจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกภาคส่วน โดยเฉพาะด้านสุขอนามัย อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ภาครัฐ ภาคเอกชน คนไทยทุกคน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่กำลังจะกลับเข้ามาในประเทศ และสามารถตอบโจทย์การเป็นแพลตฟอร์มของทุกคนได้อย่างแท้จริง” ญนน์ กล่าวปิดท้าย