เปิดเเผน “ฝรั่งเศส” อัดงบฟื้นอุตฯยานยนต์ หวังพลิกวิกฤตสู่เบอร์ 1 รถยนต์ไฟฟ้าเเห่งยุโรป

Photo : AFP

อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังระส่ำทั่วโลก จากพิษ COVID-19 โดยเฉพาะในยุโรปที่ยอดขายลดฮวบต่ำสุดนับตั้งเเต่สงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากต้องหยุดผลิตรถยนต์ชั่วคราวตามมาตรการล็อกดาวน์ ตอนนี้โรงงานในฝรั่งเศลบางเเห่ง เริ่มกลับมาเดินเครื่องผลิตได้อีกครั้ง

ล่าสุด Emmanuel Macron ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศเเผนทุ่มเงินกว่า 8,000 ล้านยูโร (ราว 2.8 เเสนล้านบาท) ฟื้นฟูอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ หวังขึ้นเป็นเบอร์ 1 ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของยุโรป

“เราจะเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์พลังงานสะอาด เน้นการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าเเละรถยนต์ไฮบริด โดยตั้งเป้าที่จะผลิตให้ได้ 1 ล้านคันต่อปี เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตฯ ยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป”

นอกจากส่งเสริมฝั่งผู้ผลิตเเล้ว รัฐบาลฝรั่งเศสจะเเบ่งงบ 1,000 ล้านยูโร (ในวงเงิน 8,000 ล้านยูโร) มากระตุ้นให้เกิดความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภค โดยจะมอบเงินสนับสนุนจำนวน 7,000 ยูโร (ราว 2.4 เเสนบาท) ให้กับบุคคลทั่วไปที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนบริษัทที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าไปใช้ในองค์กรจะได้รับเงินสนับสนุน 5,000 ยูโร (ราว 1.7 เเสนบาท) ต่อคัน

เเละหากซื้อรถยนต์ไฮบริด จะได้รับเงินสนับสนุน 2,000 ยูโร ( ราว7 หมื่นบาท) ต่อคัน ส่วนผู้ที่จะนำรถยนต์ไปเปลี่ยนจากระบบพลังงานน้ำมันเป็นพลังงานอื่นที่ก่อมลพิษน้อยกว่า จะได้รับเงิน 3,000 ยูโร เเละถ้าใครอัพเกรดให้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็จะได้รับเงิน 5,000 ยูโรเช่นกัน

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะครอบคลุมชาวฝรั่งเศส 3 ใน 4 ของประชากรทั้งหมด โดยจะเริ่มตั้งเเต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป

อุตสาหกรรมรถยนต์ในฝรั่งเศส มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกว่า 4,000 แห่ง มีพนักงานโดยตรงกว่า 4 เเสนคน เเละมีการจ้างงานรวมทั้งวงการกว่า 9 เเสนคน

“หากไม่รวมช่วงสงคราม เราจะต้องเผชิญกับวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของภาคยานยนต์” Macron กล่าว

Renault , Citroen เเละ Peugeot ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของฝรั่งเศส มียอดขายรถยนต์เเละรายรับลดลงถึง 80% ซึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ 2 เดือนเพื่อสกัดการเเพร่ระบาดของ COVID-19 เเละ ภายในสิ้นเดือน มิ.ย. จะมีรถยนต์ราว 5 เเสนคันที่ยังขายไม่ออก

“เราต้องปกป้องการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม เเละนี่จะเป็นเเผนของอุตสาหกรรมรถยนต์ในศตวรรษที่ 21 ด้วย”

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า Renault กำลังเตรียมจะปลดพนักงานในฝรั่งเศส 5,000 คน ให้ได้ภายในปี 2024 ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ราว 2,000 ล้านยูโร

ล่าสุด (29 พ.ค.) Renault ประกาศจะปลดพนักงานทั่วโลกกว่า 14,600 คน โดย 1 ใน 3 เป็นการเลิกจ้างในฝรั่งเศส เพื่อรักษาสถานภาพของบริษัทในช่วงที่ยอดขายรถยนต์ตกต่ำ

รัฐบาลฝรั่งเศส มีความกระตือรือร้นที่จะใช้วิกฤต COVID-19 ให้เป็นการผลักดันอุตสาหกรรมไปในทิศทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างกรณีแพ็กเกจช่วยเหลือมูลค่า 7,000 ล้านยูโรของ Air France ก็มีเงื่อนไขว่า สายการบินจะต้องปรับปรุงให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

ที่มา : AFP , Reuters