ถอดบทเรียน “สวีเดน” ไม่ล็อกดาวน์ แต่เศรษฐกิจก็ยังทรุด แถมอัตราตายจาก COVID-19 ก็สูงลิ่ว

Photo : Shutterstock
สวีเดนไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ หนึ่งในชาติที่สืบเชื้อสายจากพวกไวกิ้งรายนี้ไม่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ปิดเมืองเลย ในระหว่างเกิดการระบาดใหญ่ของไวรัส COVID-19 โดยยังคงอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ เปิดดำเนินการได้ต่อไปเป็นส่วนมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากผลลัพธ์ซึ่งเกิดขึ้นจนถึงเวลานี้ ปรากฏว่าเศรษฐกิจสวีเดนทำท่าถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักหน่วงจากโรคระบาดคราวนี้ ไม่ได้แตกต่างอะไรจากชาติอื่นๆ ขณะที่อัตราการเสียชีวิตจาก COVID-19 โดยเฉพาะในหมู่คนชราที่พุ่งสูงลิ่วยิ่งกว่า

วิธีการที่สวีเดนใช้รับมือกับไวรัส COVID-19 นั้น บรรดาสถานบริการที่มีผู้คนชุมนุมแออัดกัน ใม่ว่าจะเป็น คาเฟ่, บาร์, ภัตตาคารร้านอาหาร รวมทั้งธุรกิจต่างๆ ส่วนใหญ่ต่างยังคงเปิดทำการได้ เช่นเดียวกับโรงเรียนสถานศึกษาสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี ถึงแม้มีการเรียกร้องแข็งขันให้ประชาชนทำตามกฎการเว้นระยะห่างทางสังคมและคำแนะนำด้านสุขอนามัยทั้งหลาย เช่น การล้างมือบ่อยๆ

แต่ไม่ว่าจะมีความคาดหมายอย่างไรในเรื่องที่นโยบายเช่นนี้ อาจช่วยบรรเทาแรงฟาดกระหน่ำใส่เศรษฐกิจของประเทศลงไปได้บ้าง เวลานี้ความวาดหวังเช่นนั้นดูเหมือนหนีหายไปกับสายลมเสียแล้ว

“เช่นเดียวกับในประเทศเกือบทั้งหมดของโลก เศรษฐกิจของสวีเดนในไตรมาส 2 ปีนี้ จะแสดงให้เห็นการถดถอยอย่างแรงเป็นสถิติใหม่เช่นกัน” นี่เป็นความเห็นของ โอลเล โฮล์มเกรน นักเศรษฐศาสตร์ของ เอสอีบี แบงก์ ธนาคารใหญ่ภาคเอกชนของสวีเดน

ต้องลำบากกันเป็น “เวลานาน”

การกระเตื้องดีขึ้นน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงหลังของปีนี้ แต่ “เราคาดหมายเอาไว้ว่ามันจะต้องใช้เวลายาวนานทีเดียวก่อนที่สถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ” นักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพี

เพื่อความเป็นธรรม ควรต้องกล่าวให้ชัดเจนว่า พวกเจ้าหน้าที่สวีเดนยืนยันเรื่อยมาว่ายุทธศาสตร์ในการรับมือกับ COVID-19 ของพวกเขาแม้ผิดแผกไปจากชาติส่วนใหญ่ แต่ก็ทำไปด้วยจุดมุ่งหมายในทางสาธารณสุขเสมอมา ไม่เคยเลยที่จะเจาะจงมุ่งรักษาระบบเศรษฐกิจ

(Photo by Nils Petter Nilsson/Getty Images)

ไอเดียสำคัญของยุทธศาสตร์นี้ คือ การทำให้แน่ใจว่าโรงพยาบาลต่างๆ สามารถที่จะรับมือกับการระบาดได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยจะต้องไม่ให้เกิดภาวะระบบสาธารณสุขพังครืน มีคนป่วยต้องได้รับการรักษากันล้นจนเตียงและอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ขณะเดียวกันก็ต้องพิทักษ์คุ้มครองผู้สูงอายุตลอดจนกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอื่นๆ

สวีเดนประสบความสำเร็จในเรื่องแรก แต่ยอมรับว่าล้มเหลวในเรื่องหลัง โดยที่ผู้เสียชีวิตจากไวรัสนี้จำนวนมากกว่า 3 ใน 4 เกิดขึ้นในหมู่คนชราซึ่งพำนักอาศัยตามสถานดูแลผู้สูงอายุ ตลอดจนในหมู่คนแก่ซึ่งรับการดูแลเยียวยาที่บ้านของพวกเขาเอง

“ตอนที่เราตัดสินว่าควรใช้มาตรการอะไรในการหยุดยั้งไม่ให้ไวรัสนี้แพร่ระบาดออกไปนั้น เราไม่ได้มีข้อพิจารณาในทางเศรษฐกิจใดๆ เลย เรามีแต่คอยทำตามคำแนะนำของพวกผู้เชี่ยวชาญ (ด้านสาธารณสุข) ของเราในประเด็นนี้” รัฐมนตรีคลัง มักดาเลนา แอนเดอร์สสัน กล่าวยืนยันในการแถลงต่อผู้สื่อข่าวตอนปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

แต่กระนั้น พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบก็ยอมรับกันว่า การพยายามให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเปิดทำการต่อไป ก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อพิจารณาทางสาธารณสุขในภาพกว้าง เนื่องจากหากเกิดภาวะคนว่างงานในระดับสูง และเศรษฐกิจอ่อนแอ ก็มักต้องนำไปสู่ระบบสาธารณสุขที่ย่ำแย่ลงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

สวีเดนเป็นประเทศที่มีประชากร 10.3 ล้านคน รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 จำนวนรวม 4,639 คน เมื่อนับถึงวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา

นี่ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นหนึ่งในประเทศซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสที่สูงที่สุดในโลก นั่นคือเสียชีวิต 459.3 รายต่อประชากรล้านคน เท่ากับกว่า 4 เท่าตัวของชาติเพื่อนบ้านไวกิ้งด้วยกันอย่างเดนมาร์ก ยิ่งเปรียบกับนอร์เวย์ ประเทศเพื่อนบ้านไวกิ้งอีกรายหนึ่งด้วยแล้ว ก็จะสูงกว่าเป็น 10 เท่าตัวทีเดียว โดยที่สองชาติหลังนี้ต่างใช้มาตรการจำกัดความเคลื่อนไหวของประชาชนที่เข้มงวดกวดขันยิ่งกว่าสวีเดนมาก

(Photo by Narciso Contreras/Anadolu Agency via Getty Images)

ตอนแรกๆ เศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างหนักของสวีเดน ทำท่าเหมือนกับเดินหน้าต่อไปได้ดีพอสมควร โดยที่ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา จริงๆ แล้ว GDP มีอัตราเติบโตเป็นบวกอยู่ 0.1% ด้วยซ้ำ

ทว่า ตอนนี้ประเทศนี้ได้รับการคาดหมายว่าจะเดินไปบนเส้นทางเดียวกันกับชาติส่วนใหญ่ของยุโรป นั่นคือเศรษฐกิจจะติดลบเมื่อรวมตลอดทั้งปี 2020 ส่วนอัตราการว่างงานก็พุ่งแรง

GDP ลดต่ำ การว่างงานขึ้นสูง

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลพยากรณ์ว่าจีดีพีจะหดตัวลงราว 4% ในปี 2020 นี้ เปรียบเทียบกับที่เคยพยากรณ์เอาไว้ในเดือนมกราคมว่าจะเติบโตได้ 1.1%

ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป มองภาพในแง่ลบยิ่งกว่า โดยเวลานี้บอกว่าการติดลบของสวีเดนจะอยู่ที่ 6.1% (เปรียบเทียบกับเยอรมนี ชาติที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดและมั่นคงที่สุดในอียู ได้รับการคาดการณ์จากอีซีว่าจะ -6.5% ส่วนยูโรโซนโดยรวมจะอยู่ที่ -7.7%) ยิ่งธนาคารกลางของสวีเดนด้วยแล้ว มองทิศทางอนาคตย่ำแย่กว่านี้อีก นั่นคือพยากรณ์ว่าจีดีพีอาจจะดำดิ่งติดลบกันถึง 10% ทีเดียว

นักเศรษฐศาสตร์บางคนมองว่า อัตราเติบโตของสวีเดนน่าจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างเร็วคือในครึ่งหลังของปี 2020 แต่รัฐมนตรีคลังเตือนว่าสิ่งต่างๆ อาจย่ำแย่เลวร้ายลงไปอีก ก่อนที่จะฟื้นคืนดีขึ้นมา

ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาด ตลาดแรงงานของสวีเดนอยู่ในรูปทรงที่ใช้ได้ทีเดียว มีการสร้างงานใหม่ๆ อย่างแข็งแรง และอัตราการว่างงานกำลังลดลงไป

เวลานี้รัฐบาลคาดหมายว่าอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 9% ในตลอดปี 2020 และกระทั่งในปี 2021 เปรียบเทียบกับ 6.8% ในปี 2019

รัฐบาลมองแง่ดีว่า GDP ยังน่าจะฟื้นจนเติบโตได้ 3.5% ในปี 2021

(เก็บความจากเรื่อง Sweden didn’t lock down, but economy to plunge anyway ของสำนักข่าวเอเอฟพี)

Source