น้ำใจกลุ่ม ‘เคทิส’ สู้โควิดไปด้วยกัน ช่วยผู้ได้รับผลกระทบ อิ่มทั้งกาย สุขทั้งใจ

ภาพชินตาของพี่น้องชาวนครสวรรค์หรือผู้ที่สัญจรผ่านด้านหน้าโรงแรมแกรนด์วิษณุ กลางเมืองปากน้ำโพ ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ภาพความประทับใจของคนกลุ่มหนึ่งที่เป็น “ผู้ให้” กับคนกลุ่มใหญ่ที่เป็น “ผู้รับ” เป็นความห่วงหาอาทรที่ทำให้เกิดความชุ่มชื่นในหัวใจในยามที่คนไทยและคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติโควิด-19

“ผู้ให้” ได้จัดเตรียมอาหารปรุงสดพร้อมรับประทาน รวมถึงของหวานและเครื่องดื่ม วันละ 300 ชุด เพื่อเติมกำลังกายกำลังใจให้กับประชาชนชาวนครสวรรค์ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ดร.สายศิริ ศิริวิริยะกุล ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และการสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS บอกว่า โครงการนี้ เกิดขึ้นจากความตั้งใจของคุณย่า “หทัย ศิริวิริยะกุล” ผู้ก่อตั้งกลุ่ม KTIS  มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา และวิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์ หรือที่คนนครสวรรค์ส่วนใหญ่เรียกว่า คุณแม่หทัย ที่ต้องการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องในจังหวัดนครสวรรค์ตามโครงการ มอบน้ำใจแด่พี่น้องชาวนครสวรรค์ ดูแลกันก้าวผ่าน โควิด-19” โดยได้เริ่มแจกจ่ายอาหารและเครื่องดื่ม ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา และทำต่อเนื่องทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

“ชาวนครสวรรค์เป็นเหมือนกับพี่น้องของเรา เมื่อมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ่งแรกที่คุณย่าและครอบครัวอยากทำ คือ ต้องช่วยเหลือดูแลคนในบ้านก่อน เราอยากดูแลให้คนที่เดือดร้อน คนที่มีความทุกข์ ขาดรายได้จุนเจือครอบครัว อย่างน้อยที่สุดก็มีอาหารรับประทาน ได้อิ่มท้อง ขณะเดียวกัน เรายังได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารในจังหวัดที่ขาดรายได้เหมือนกัน โดยเราจะสั่งอาหารจากร้านเหล่านี้สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ทำให้ผู้ประกอบการมีลูกค้า ลูกจ้างในร้านก็มีงานทำ มีรายได้เข้าร้าน บรรเทาความเดือดร้อนได้อีกทาง” ดร.สายศิริ กล่าว

นอกจากการแจกจ่ายอาหารเพื่อเติมกำลังกายเป็นประจำทุกวันแล้ว  ยังมีกิจกรรมสันทนาการ เพื่อเติมกำลังใจ สร้างความสุขทางใจให้กับประชาชนที่มารับอาหารด้วย เรียกว่า “อิ่มทั้งกาย สุขทั้งใจ”

ส่วนพี่น้องชาวนครสวรรค์ที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองนั้น กลุ่ม KTIS มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา และวิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์ ยังผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ จัดทำ “ถุงน้ำใจ” ซึ่งเป็นถุงยังชีพ ที่บรรจุของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยแจกจ่ายให้กับพี่น้องชาวนครสวรรค์ ในบริเวณชุมชนรอบโรงงานน้ำตาลเกษตรไทยฯ และโรงงานน้ำตาลเกษตรไทยฯ สาขา 3 จำนวนทั้งสิ้น 2,000 ชุด พร้อมมอบ “ซองน้ำใจ” หรือเงินสดจำนวนหนึ่งสำหรับใช้จ่ายในครอบครัวอีกด้วย

และเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์และกาชาดจังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงสภาอุตสาหกรรมนครสวรรค์ ได้เข้ามามีส่วนร่วมกระจาย “ถุงน้ำใจ” ของกลุ่ม KTIS ไปยังพื้นที่ห่างไกลออกไป โดยได้มอบผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดจำนวน 400 ถุง  ผ่านกาชาดจังหวัดอีก 200 ถุง และส่วนที่เหลือนั้นคณะผู้บริหารของกลุ่ม KTIS ได้ลงพื้นที่มอบให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆ โรงงานน้ำตาลทั้ง แห่ง โดยได้ร่วมคัดกรองผู้ที่เข้ารับถุงน้ำใจ ร่วมกับผู้นำชุมชน รวมถึงทีมมวลชนสัมพันธ์กลุ่ม KTIS ซึ่งคลุกคลีกับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ ได้รับความช่วยเหลือ

“ตอนลงพื้นที่ไปมอบถุงน้ำใจให้กับพี่น้องในชุมชนรอบๆ โรงงานน้ำตาลทั้ง แห่ง เราได้รับรู้ถึงความลำบากของทุกครอบครัว และทุกคนก็ดีใจมากที่เราไม่ทอดทิ้งพวกเขา ซึ่งแม้ว่า ถุงน้ำใจ จะเป็นเพียงความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ที่เราแบ่งปันให้กัน แต่ในภาวะวิกฤติเช่นนี้มันเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับคนที่ขาดแคลนจริงๆ”

นอกจากทั้ง โครงการนี้แล้ว ที่ผ่านมา กลุ่ม KTIS ยังได้ร่วมบริจาคแอลกอฮอล์ที่ผลิตจากโรงงานของบริษัท เคทิส ไบโอเอทานอล จำกัด ให้กับหน่วยงานทางการแพทย์ โรงพยาบาล สถานศึกษา วัด และองค์กรต่างๆ รวมถึงชุมชน เพื่อใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ยังจำหน่ายแอลกอฮอล์ในราคาถูก เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนและแก้ปัญหาการขายแพงเกินราคาอีกด้วย  

ไม่แต่เพียงเท่านั้น กลุ่ม KTIS มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา และวิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์ ยังได้จัดทีมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบทุกข์จากสถานการณ์การระบาดโควิด19 และเป็นสื่อกลางประสานความช่วยเหลือด้านต่างๆ กับหน่วยงานของรัฐ ที่จะช่วยบรรเทาเบาบางความเดือดร้อนของประชาชนที่มาร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือด้วย

“ไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือหรือน้ำใจให้กัน ได้ดีไปกว่าช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติ โดยเฉพาะวิกฤติที่เกิดจากโรคระบาด และเป็นวิกฤติที่ทุกคนไม่เคยมีประสบการณ์ในการรับมือมาก่อน แม้ว่าวิกฤติโควิด-19 ทำให้เราต้องเว้นระยะห่างระหว่างกัน แต่วิกฤติครั้งนี้ไม่สามารถทำให้เราเว้นวรรคความช่วยเหลือ หรือเว้นว่างจากการหยิบยื่นน้ำใจให้กันได้ เราจะร่วมกันฝ่าฟันและผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกันให้ได้” ดร.สายศิริกล่าว