เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปกำลังกลับมาขยายตัวในเดือนนี้ แม้ว่ากิจกรรมในภูมิภาคอื่น ๆ จะลดลงต่อเนื่อง แต่เริ่มเห็นสัญญาณดีมาจากประเทศ ‘ฝรั่งเศส’ ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป ที่กลับมาเติบโตสูงสุดในรอบ 4 เดือน
Chris Williamson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจที่ IHS Markit ระบุว่า หลังจากที่หลายประเทศในยุโรปได้คลายมาตราการล็อกดาวน์ลงในเดือนมิถุนายน ทำให้หลายบริษัทสามารถเปิดใหม่และผลักดันความต้องการสินค้าและบริการที่ดีขึ้น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับประเทศที่ใช้เงินยูโรพุ่งขึ้นเป็น 47.5 ในเดือนมิถุนายน จากระดับต่ำสุดที่ 13.6 ในเดือนเมษายนและ 31.9 ในเดือนพฤษภาคม โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วยุโรปดูเหมือนว่าจะดีกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ผลผลิตยังคงลดลงทั้งในภาคการผลิตและบริการอัตราการหดตัวช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่อัตราการว่างงานเริ่มลดลง
“ผลผลิตและอุปสงค์ยังคงลดลง แต่จะไม่ล่มสลายอีกต่อไป การเพิ่มขึ้นของดัชนี PMI นั้นเพิ่มความคาดหวังว่าการยกเลิกข้อจำกัดการคลายล็อกจะช่วยให้การชะลอตัวสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจยุโรปจะใช้เวลาสามปีในการฟื้นตัว”
ทั้งนี้ เศรษฐกิจฝรั่งเศสที่มีมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโต โดยดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของฝรั่งเศส เพิ่มขึ้นเป็น 51.3 ในเดือนมิถุนายน จากที่เดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 32.1 ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 46.8
“ฝรั่งเศสดูเหมือนจะเป็นผู้นำในกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมุมมองของภาคการผลิต สิ่งที่เราเห็นในทุกประเทศคือ การฟื้นฟูใด ๆ ก็ตามจะเกิดจากความต้องการภายในประเทศ หากประเทศที่ภาคการผลิตที่มุ่งเน้นการส่งออก การเติบโตอาจจะหน่วง อย่างเช่นเยอรมัน”
Emmanuel Macron ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวในเดือนมีนาคมว่า บริษัทของฝรั่งเศสไม่ว่าขนาดใด จะไม่ได้รับอนุญาตให้พังเพราะการระบาดใหญ่ โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนเป็นเงินราว 521 พันล้านดอลลาร์เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ