CEO ของ ‘เรโนลต์’ เผย “ถ้าจะสู้ศึก EV กับบริษัทจีน ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ในยุโรปจะต้องร่วมมือใกล้ชิดกันมากกว่านี้”

Photo : Shutterstock
หัวเรือใหญ่ของเรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของทวีปยุโรป ได้กล่าวในงาน Geneva International Motor Show ว่า ผู้ผลิตและซัพลลายเออร์ในยุโรปจะต้องร่วมมือใกล้ชิดกันมากกว่านี้ เพื่อที่จะต่อสู้ศึกรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้ผลิตจากประเทศจีนที่กำลังตีตลาดในตอนนี้

Luca de Meo ซึ่งเป็น CEO ของเรโนลต์ (Renault) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของทวีปยุโรป ได้กล่าวว่า ผู้ผลิตและซัพลลายเออร์ในยุโรปไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า จะต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากกว่านี้ ถ้าหากจะสู้ศึกรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้ผลิตจากจีน

หัวเรือใหญ่ของ Renault ได้กล่าวในงาน Geneva International Motor Show ว่า มีพื้นที่สำหรับความร่วมมือภายในทวีปยุโรปไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตต้นน้ำถึงปลายน้ำที่เกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยเขาชี้ว่าผู้ผลิตจากยุโรปนั้นเสียเปรียบผู้ผลิตจากจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของกำลังการผลิตที่จีนมีกำลังกว่ามาก

เขาได้พูดเชิงเปรียบเทียบให้ผู้ผลิตรวมตัวเหมือนกับ Airbus ซึ่งเป็นผู้ผลิตอากาศยานรายใหญ่ของยุโรปที่ได้รวมผู้ผลิตหลายรายเข้าด้วยกัน เพื่อที่จะต่อสู้กับ Boeing ซึ่งเป็นคู่แข่งจากสหรัฐอเมริกา

การบุกตลาดยุโรปของผู้ผลิต EV จากจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชูจุดเด่นด้านราคา ทำให้ผู้ผลิตหลายรายในยุโรปเริ่มส่งสัญญาณในการต่อสู้ไม่ไหว จนทำให้สหภาพยุโรปเองเตรียมที่จะเข้ามาสอบสวนว่าผู้เล่นจากจีนได้รับเงินอุดหนุน ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด จนทำให้การแข่งขันนั้นไม่เป็นธรรมหรือไม่

ตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ สัดส่วนการครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตในประเทศจีนนั้นครองตลาดทั่วโลก สัดส่วนมากถึง 68% ตรงข้ามกับผู้ผลิตจากยุโรปเริ่มออกอาการไม่ดี มีสัดส่วนแค่ 20.8% ซึ่งถือว่าต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา

เขาชี้ว่ายุโรปนั้นมีหลายประเทศกระจัดกระจาย ซึ่งถือว่าเป็นแง่ดี แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องความล่าช้าถ้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

นอกจากนี้ CEO ของ Renault ยังเรียกร้องให้ทางการยุโรปผลักดันผู้ให้ผู้ผลิตไฟฟ้าและผู้ผลิตรถยนต์ให้ร่วมมือกันเพื่อช่วยเร่งการปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ และใช้ EV เพื่อกักเก็บพลังงานสำหรับโครงข่ายไฟฟ้า เนื่องจากพวกเขาสามารถทำหน้าที่เป็นซัพพลายเออร์ด้านพลังงานได้เมื่อจำเป็น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายุโรปมีปัญหาด้านพลังงานจนส่งผลต่อการผลิต

ที่มา – Reuters, Forbes, Carscoop