ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว กับ “MULBERRY GROVE Sukhumvit” by MQDC คอนโดแบรนด์ใหม่ที่ออกแบบเพื่อทุกเจเนอเรชั่น


ถือเป็นกระแสที่คนพูดถึงอย่างต่อเนื่อง สำหรับ คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ “MULBERRY GROVE Sukhumvit” โดยค่าย MQDC ที่รับต้นปีด้วยการเปิดตัวโครงการที่มีแนวคิดที่ชัดเจน กับการเป็นคอนโดที่ออกแบบเพื่อทุกเจเนอเรชั่น จนเป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญที่ทำให้ใครหลายๆ คน อยากเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ

ซึ่งคอนเซ็ปต์ “DESIGNED FOR THE FINEST INTERGENERATION LIVING คอนโดที่ออกแบบเพื่อทุกเจเนอเรชั่น” ของ “MULBERRY GROVE Sukhumvit” เป็นการออกแบบพัฒนาจากงานวิจัยที่พบว่า “ครอบครัว” จะมีความสุขมากกว่า หากอยู่ร่วมกันหลายรุ่น ถอดรายละเอียดเป็นคอนโดมิเนียมที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว ทั้งในห้องชุดและสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการที่คิดมาแบบละเอียดทุกตารางเมตร

“คีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์” ประธานผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริการ บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) และ “รุ่งโรจน์ จงศุจิพันธุ์” ผู้อำนวยการอาวุโส แบรนด์ MULBERRY GROVE (มัลเบอร์รี่ โกรฟ) จาก MQDC ร่วมกันแถลงรายละเอียดโครงการ “MULBERRY GROVE Sukhumvit” มูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท

แนวคิดของโครงการนี้เริ่มจากการศึกษางานวิจัยทั่วโลกของ MQDC พบว่า “ครอบครัว” มักจะมีความสุขมากกว่าหากได้อยู่ร่วมกันหลายเจเนอเรชั่น ยืนยันจากผลวิจัยจากหลากหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งพบว่าคนไทย 70.8% ต้องการอยู่อาศัยร่วมกันหลายรุ่นในครอบครัว

อย่างไรก็ตาม มุมมองของผู้อยู่อาศัยอาจรู้สึกว่า การอยู่ด้วยกันหลายเจเนอเรชั่นทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันในครอบครัว แต่ที่จริงแล้ว MQDC พบว่าการจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยภายในบ้านและโครงการคือสิ่งสำคัญที่ทำให้แต่ละ เจเนอเรชั่นได้มีทั้งเวลาส่วนตัว และเวลาคุณภาพที่ได้ใช้ร่วมกับครอบครัว จึงนำข้อมูลการวิเคราะห์อินไซต์วิถีชีวิตคนแต่ละรุ่นมาออกแบบเป็นโครงการ MULBERRY GROVE Sukhumvit ที่จัดฟังก์ชันให้ลงตัวสำหรับคนทุกวัย

รายละเอียดโครงการ MULBERRY GROVE Sukhumvit เป็นคอนโดมิเนียมบนเนื้อที่ 2 ไร่ครึ่ง ติดถนนสุขุมวิท ระยะทางจากสถานีบีทีเอสเอกมัยเพียง 250 เมตร ออกแบบเป็นอาคารสูง 37 ชั้น จำนวนห้องชุด 287 ยูนิต พร้อมที่จอดรถมากกว่า 100% โดยแบ่งที่ดินเกือบ 1 ไร่ให้เป็นพื้นที่สีเขียวของโครงการ

ไฮไลท์ของโครงการนี้คือการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่คิดถึงการใช้ชีวิตของคนทุกเจเนอเรชั่น โดยแบ่งสิ่งอำนวยความสะดวกเป็น 5 ด้าน ดังนี้

1. Intergeneration Well-being พื้นที่สำหรับสร้างสุขภาวะที่ดี ได้แก่ สระว่ายน้ำ 4 รูปแบบ ที่รองรับคนในวัยต่างกัน, ยิมสตูดิโอ, ออนเซ็น, ห้องสปา, ห้องโยคะ, ห้องบัลเลต์ โดยมี “Wellness Manager” คอยดูแลให้คำแนะนำด้านการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังมีบริการ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ (Caregiver) 24 ชั่วโมง ประจำในโครงการ คอยให้คำปรึกษากรณีมีผู้เจ็บป่วยในครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยและเด็กเล็ก

2. Intergeneration Knowledge พื้นที่สร้างเสริมการเรียนรู้ เช่น ห้องสตูดิโอส่วนตัว (Private Study Studio) ให้ติวเตอร์ใช้เป็นพื้นที่สอนบุตรหลาน หรือห้องเด็ก (Children’s Room) ใช้เป็นพื้นที่เล่นสนุกของลูกๆ โดยยังรักษาความเป็นส่วนตัวในห้องชุดเมื่อมีพี่เลี้ยงเด็กมาดูแล

3. Intergeneration Social Lifestyle Suite พื้นที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เช่น ห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวพร้อมส่วนครัว (Grand Private Living & Dining Room) ที่จุคนได้ถึง 30-40 คน ให้ครอบครัวสามารถสังสรรค์กันได้ หรือเลาจน์สุดหรู (Residence Lounge) สำหรับผู้อยู่อาศัยที่มาพร้อมความพิเศษ กับการเสิร์ฟ เซ็ตน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) ฟรี เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวได้มาสร้างช่วงเวลาดี ๆ ระหว่างเจเนอเรชั่นในทุก ๆ วัน

4. Intergeneration Nature พื้นที่สวน 3 สวนที่ใช้ทั้งพักผ่อน ปิคนิค ออกกำลังกาย และมี สวนปลูกพืชผักสวนครัว (Gourmet Courtyard) ที่ลูกบ้านมาใช้พื้นที่ได้ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ครอบครัวจะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน

5. Intergeneration Mulberry Service รวมบริการดังที่ได้กล่าวไป ไม่ว่าจะเป็น Caregiver, Wellness Manager, บริการเซ็ตน้ำชายามบ่าย และยังมี Concierge Service คอยบริการด้านไลฟ์สไตล์เหมือนผู้ช่วยส่วนตัว เช่น นัดช่างแต่งหน้าทำผม รวมถึงมีกิจกรรม เช่น การเวิร์กช็อปเพื่อสานสัมพันธ์ โดยเป็นบริการที่ทางโครงการมอบให้ฟรีตลอดปีสำหรับลูกบ้าน

สำหรับรูปแบบห้องชุด แบ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 47 – 56.50 ตร.ม. ห้องแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 87 – 135 ตร.ม. ห้องแบบ 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 162 ตร.ม. และเพ้นท์เฮาส์ 2 – 5 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 180 – 241.50 ตร.ม. และโครงการยังจัด ห้องชุดแบบคอมบายน์ (combined) 2+1 ห้องนอนที่กั้นผนังแบบทุบได้ เตรียมไว้รองรับกลุ่มครอบครัวตั้งต้นที่วันนี้อาจจะยังปล่อยเช่าห้องชุดที่เล็กกว่า ก่อนที่จะทุบผนังเพื่อขยายพื้นที่อยู่อาศัยของครอบครัวในอนาคต

ภายในห้องชุดเองยังมีแนวคิดเพื่อตอบสนองคนในครอบครัวแต่ละวัยโดยเฉพาะ เช่นการออกแบบห้อง Universal Design วีลแชร์สามารถผ่านได้ทุกจุด ทั้งโถงทางเดินที่กว้าง 1.8 เมตร ประตูห้องชุดสามารถเปิดได้กว้างที่สุด 1.3 เมตร และจุดเชื่อมต่อระหว่างห้องมี floor step ที่สูงไม่เกิน 2 ซม. ไปจนถึงพื้นที่ NOOK MULTI-PURPOSE SPACE บริเวณที่กั้นเป็นห้องกระจกขนาดเล็กเพื่อจัดพื้นที่ส่วนตัวให้กับทุกเจเนอเรชั่น เช่น เป็นห้องนอนกลางวันของคุณปู่ หรือห้องเล่นเด็กของลูก โดยพื้นที่นี้อยู่ติดกับห้องนั่งเล่น ทำให้สามารถมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองแต่ยังอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว หรือบริเวณครัวปิดที่เป็นกระจก ทำให้กลิ่นไม่รบกวนภายในบ้านแต่ยังสามารถมองเห็นและเชื่อมต่อถึงกันได้

โครงการ MULBERRY GROVE Sukhumvit ยังให้ความใส่ใจด้านสุขภาพ โดยติดตั้งระบบ ERV (Energy Recovery Ventilation) ไว้ในทุกห้องนอน เป็นระบบแลกเปลี่ยนอากาศ นำอากาศภายนอกที่มีออกซิเจนสูงกว่า มาแลกเปลี่ยนกับอากาศภายในห้องที่มีคาร์บอนได้ออกไซด์โดยอัตโนมัติ ทำให้ทุกคนที่อยู่อาศัยนอนหลับพักผ่อนได้ดีขึ้นและมีสุขภาพดี

โครงการ MULBERRY GROVE Sukhumvit ได้เปิดพรีเซลล์ไปแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งมีผลตอบรับเกินความคาดหมาย และทาง MQDC เชื่อว่าจะมียอดขายจากกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์อีกมากก่อนที่จะสร้างเสร็จในปี 2566 ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมห้องตัวอย่างได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานขายโครงการ หรือโทร. 1265 พร้อมทั้งชมรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ http://www.mulberrygrove.com/projects/sukhumvit