“แอสเซทไวส์” บุกเปิดคอนโดฯ หน้าราม หั่นแยกเฟสโครงการลดความเสี่ยงเศรษฐกิจซบ

แม้เศรษฐกิจซบแต่ธุรกิจต้องไปต่อ “แอสเซทไวส์” ผู้ประกอบการรายกลางที่จ่อรอเข้า IPO ในตลาดหุ้น เดินหน้าเปิดตัวคอนโดฯ “โมดิซ ไรห์ม รามคำแหง” ท่ามกลางปัญหา COVID-19 แต่ปรับกลยุทธ์ออกแบบโครงการใหม่แยกเป็นสองเฟสเพื่อกระจายความเสี่ยง เชื่อกำลังซื้อย่านรามคำแหงยังมีเพียงพอ หวังเป้ายอดขาย 50% ภายในสิ้นปีนี้

“กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการใหม่ “โมดิซ ไรห์ม รามคำแหง” โดยเป็นคอนโดมิเนียมตึกสูง 30 ชั้น ริมถนนรามคำแหง ตรงข้ามมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำเล 80 เมตรจากสถานี MRT รามคำแหง (รถไฟฟ้าสายสีส้ม อยู่ระหว่างก่อสร้าง) จำนวนห้องชุด 546 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,790 ล้านบาท

ห้องชุดในโครงการเป็นแบบ 1 ห้องนอน, 1 ห้องนอนพลัส และ 1 ห้องนอนดับเบิลวอลุ่ม พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 23-47 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท เฉลี่ยทั้งโครงการ 89,000 บาทต่อตร.ม.

พื้นที่รีเทลขนาดเล็กด้านหน้าโครงการโมดิซ ไรห์ม รามคำแหง

ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจซบเซาจากโรค COVID-19 การตัดสินใจเปิดโครงการคอนโดฯ ในปีนี้ค่อนข้างยากลำบากทั้งตลาด เพราะกำลังซื้อหดตัวทั้งในกลุ่มลูกค้าซื้ออยู่เองและนักลงทุนไทย-เทศ แต่แอสเซท ไวส์ยังเดินหน้าต่อเนื่องจากมองศักยภาพทำเลรามคำแหง ยังขายได้ จากสถิติตลาดคอนโดฯ ย่านนี้มีหน่วยขายสะสม 12,370 หน่วยจากที่เปิดขาย 14,750 หน่วย หรือคิดเป็นยอดขาย 83.8%

รวมถึงบริเวณสถานี MRT รามคำแหง เป็นพื้นที่ที่หาที่ดินยาก ลดโอกาสมีคู่แข่งเพิ่ม ยกตัวอย่างแปลงที่ตั้งโครงการนี้ต้องอาศัยเข้าซื้อที่ดินจาก 3 เจ้าของ ทั้งกลุ่มอาคารพาณิชย์ด้านหน้าถนนใหญ่และหอพักในซอย เพื่อรวมแปลงเป็นผืนใหญ่จากถนนรามคำแหงจนถึงคลองแสนแสบ

“ปัจจุบันยังไม่มีคอนโดฯ เปิดที่สถานีนี้หรือที่กำลังจะเปิดก็ยังไม่มี เพราะที่ดินค่อนข้างหายาก ถนนฝั่งขาออกเป็นชุมชนหนาแน่น ส่วนฝั่งขาเข้าเป็นที่ดิน ม.รามคำแหงไปแล้วทั้งหมด ส่วนใหญ่ที่เปิดตัวกันจะเป็นสถานีถัดๆ ไป หรือสถานีก่อนหน้าบนถนนพระราม 9 ซึ่งราคาสูงมาก ราคาเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 2.4 ล้านบาท” กรมเชษฐ์กล่าว

 

ตัดแบ่งเฟสโครงการ ลดความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม กรมเชษฐ์ยอมรับว่ามีความกังวลจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทเร่งปรับแบบโครงการนี้ให้แยกเป็น 2 อาคารและทยอยพัฒนา 2 เฟส

จากเดิมจะพัฒนาเป็นอาคารขนาดใหญ่ตึกเดียวมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันเฟสแรกจะเป็นตึก 30 ชั้น 546 ยูนิตดังกล่าว ส่วนเฟสสองจะเป็นตึกขนาดใหญ่กว่า สูง 45 ชั้น จำนวนห้องชุดประมาณ 1,100 ยูนิต ซึ่งจะรอเปิดตัวอีกครั้งช่วงรถไฟฟ้าใกล้สร้างเสร็จ

ห้องชุดแบบดับเบิลวอลุ่ม 25.6 ตร.ม.

ซีอีโอแอสเซทไวส์วางเป้ายอดพรีเซลโครงการนี้แตะ 50% ภายในสิ้นปี โดยกลุ่มเป้าหมายมีทั้งลูกค้าซื้ออยู่เองในพื้นที่ เป็นคนที่คุ้นเคยย่านรามคำแหงไปจนถึงย่านทาวน์อินทาวน์-ลาดพร้าว กลุ่มบุคลากรทางการศึกษาจาก ม.รามคำแหง, ABAC, รร.บดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนีย์) ฯลฯ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนคอนโดฯ ที่ยังไม่ได้หายไปจากตลาดเสียทีเดียวแต่ต้องการแพ็กเกจราคาที่คุ้มค่า

 

ลดการเปิดตัวโครงการ ไม่เร่ง IPO

ด้านแผนงานทั้งปี 2563 กรมเชษฐ์กล่าวว่า จากที่บริษัทตัดสินใจแบ่งเฟสโครงการนี้ ทำให้มูลค่าการเปิดตัวของแอสเซทไวส์ในปี 2563 ลดลง จากเดิม 6,700 ล้านบาท ลดเหลือ 3,490 ล้านบาท

อีก 2 โครงการในแผนยังรอคิวเปิดตัวตามปกติ ได้แก่ โครงการ โมดิซ ลอนช์ ทียู มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท เป็นคอนโดฯ ตึกสูงเจาะกลุ่มนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต และโครงการ บ้านภูริ ปุรี พัฒนาการ โครงการแนวราบมูลค่า 500 ล้านบาท

“กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)

ขณะที่การรับรู้รายได้ทั้งปียังคงเป้า 3,500 ล้านบาท เนื่องจากมีคอนโดฯ สร้างเสร็จทยอยโอนตามแผน เป็นไปตามที่ยื่นไฟลิ่งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 63 เพื่อเตรียมเข้าตลาดหุ้น SET

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรน่าจะได้รับอนุมัติให้เปิด IPO ราวเดือนตุลาคมนี้ แต่เราจะ IPO เลยไหมขอดูสภาวะตลาดก่อน เราไม่จำเป็นต้องรีบ และ ก.ล.ต. ก็อนุญาตให้ต่อเวลาได้อีก 6 เดือน เพราะฉะนั้นจะเลื่อนไป IPO ปีหน้าก็ยังทำได้อยู่” กรมเชษฐ์กล่าว

โดยการตัดสินใจเข้าเทรดในตลาดหุ้นของแอสเซทไวส์อยู่ในแผนมาแล้วหลายปี จุดประสงค์หลักคือต้องการเครื่องมือทางการเงินช่วยเพิ่มทุนในการเข้าซื้อที่ดินอันเป็นต้นทุนการพัฒนาโครงการที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้บริษัทรายกลาง-รายเล็กที่เงินทุนไม่พอแข่งขันกับรายใหญ่ได้ยาก