มอตโต้ กรุ๊ป พลิกโฉมวงการยานยนต์ไทย เปิดตัว “มอตโต้ราคาดอทคอม”

เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย “Thailand 4.0” ของภาครัฐ บริษัท มอตโต้ อ๊อคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวบริษัท มอตโต้ ราคา (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือผู้ให้บริการเว็บไซต์ www.mottoraka.com เว็บไซต์ภาษาไทยแห่งแรกที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการประมวลผลข้อมูลด้านราคาแบบการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นที่บริษัทฯ ต้องการนำพาธุรกิจยานยนต์ไทยก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลสอดคล้องกับการพัฒนาในด้านต่างๆของประเทศที่มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) มาใช้ในธุรกิจไทยมากขึ้น ทั้งในอุตสาหกรรมการเงิน ปิโตรเคมี การผลิต และการเกษตร

บริษัท มอตโต้ อ๊อคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการประมูลรถอันทันสมัย ปัจจุบัน นอกจากมีการจัดการประมูลรถใช้แล้วผ่านทางออนไลน์ บริษัทฯ ยังมีลานประมูลในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ พิษณุโลก และนครราชสีมามอตโต้ อ๊อคชั่นมีรายได้รวมกว่า 6พันล้านบาทต่อปีจากการขายรถใช้แล้ว และจากธุรกิจอื่นในเครือ ได้แก่ โลจิสติกส์ บริการสำหรับผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายรถใช้แล้ว และบริการตรวจสภาพยานพาหนะ

“ในช่วงระยะเวลากว่า 18 ปีที่ผ่านมามอตโต้เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการขายรถใช้แล้วทางออนไลน์แบบเรียลไทม์ในตลาดประเทศไทย เราได้นำข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมไว้มาวิเคราะห์และประมวลผลได้ข้อมูลด้านราคาประเมินที่เป็นกลางสำหรับรถมือสองในประเทศไทย ผมมั่นใจว่าเว็บไซต์มอตโต้ราคาดอทคอม (mottoraka.com) นี้จะสร้างมาตรฐานใหม่ด้านราคาให้กับวงการรถมือสองและธุรกิจยานยนต์ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงนี้ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์” มร. ไซมอน มอแรน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มอตโต้ อ๊อคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท มอตโต้ ราคา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

มอตโต้ ราคานำเทคโนโลยีที่ทันสมัย สะดวกและมีความน่าเชื่อถือระดับสูงมาใช้ในธุรกิจการซื้อ-ขายรถมือสองของประเทศไทย โดยเล็งเห็นว่าเว็บไซต์นี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคโดยตรงหรือผู้ประกอบการธุรกิจเต้นท์รถมือสองก็ตามคลังข้อมูลของเว็บไซต์ มอตโต้ราคาดอทคอมนั้นเป็นข้อมูลเชิงลึกขนาดใหญ่เกี่ยวกับรถที่มีจำหน่ายในประเทศไทยโดยมีรายละเอียดครอบคลุมเกือบทุกด้าน อาทิ รุ่น รุ่นย่อยมากกว่า30,000 รุ่นไมล์รถ สภาพรถ และราคา ทำให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรถสามารถค้นหาข้อมูลด้านราคาเฉพาะของรถแต่ละคันได้แบบเรียลไทม์ จึงทำให้ผลของราคาประเมินที่ได้นั้นโปร่งใส ยุติธรรมและเป็นราคาในปัจจุบัน

“ภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้‘วิถีใหม่’ ของการดำเนินชีวิตและดูแลสุขภาพ กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน และหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของการ ‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ’ ในช่วงเวลาเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมาทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ปรับตัวหันมาจับจ่ายซื้อของทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น  เราจึงเชื่อว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะแนะนำบริการของเว็บไซต์ใหม่ของเราซึ่งจะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญและช่องทางแก้ปัญหาที่จะตอบโจทย์หลายภาคส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์นอกจากนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวของจีดีพี(GDP) จะลดลงประมาณร้อยละ 6 และอัตราการว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้นถึงเกือบ10 ล้านคน ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงตามไปด้วย ทำให้แนวโน้มความต้องการรถมือสองเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคนที่ว่างงานอาจมีความจำเป็นต้องซื้อรถเพื่อประกอบอาชีพหารายได้ต้องการลดค่าใช้จ่ายหรืออาจต้องการรักษาการเว้นระยะห่างจึงหลีกเลี่ยงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะในระหว่างที่รอให้มีการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19” มร. มอแรน กล่าวเสริม

นอกจากบริการเช็คราคากลางของรถแล้ว เว็บไซต์มอตโต้ราคาดอทคอมยังเป็นแพลตฟอร์มตลาดรถ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้าไปโพสต์ลงประกาศฝากซื้อ-ฝากขายรถ พร้อมบทความอัปเดตความเคลื่อนไหวในแวดวงยานยนต์ การทดสอบรถรุ่นใหม่อย่างละเอียด ตลอดจนเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการดูแลรักษารถ และไลฟ์สไตล์จากทั้งในและต่างประเทศที่ได้คัดสรรมานำเสนออย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคโดยตรงเท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์จากการเช็คราคากับทาง มอตโต้ราคา (MottoRaka)แต่ยังรวมไปถึงธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องในการซื้อ-ขายรถ ได้แก่ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้ประกอบการธุรกิจเต้นท์รถมือสอง ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ตลอดจนบริษัทประกันภัย ที่สามารถใช้ประโยชน์จากราคาประเมินนี้มาอ้างอิงในการดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เนื่องจากในปีพ.ศ. 2562 ตลาดรถมือสองมีมูลค่ารวมประมาณ 140 พันล้านบาท จึงมีการประมาณการณ์ว่าจะมีการเติบโตขึ้นร้อยละ 5 – 7 ในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเหตุการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019ทำให้มูลค่ารวมทางการตลาดโดยประมาณอาจลดลงถึงร้อยละ 15 – 25 ซึ่งนับว่ายังเป็นสัญญาณเชิงบวกเมื่อเทียบกับตลาดรถใหม่ซึ่งอาจลดลงถึงร้อยละ 30 – 40 ในปีนี้