บริษัทเก่าเเก่ที่เคยรุ่งเรืองด้านการผลิตฟิล์มกล้องถ่ายรูปอย่าง Eastman Kodak กำลังจะก้าวสู่ยุคใหม่ หันมาผลิต “สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของการผลิตยารักษาโรค มีความต้องการของตลาดสูงจากวิกฤต COVID-19
โดยบริษัทเพิ่งได้รับอนุมัติเงินกู้มูลค่ากว่า 765 ล้านเหรียญ (ราว 2.4 หมื่นล้านบาท) จากรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการวิจัยครั้งนี้
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ต้องพึ่งพาการนำเข้าส่วนประกอบของการผลิตยาจากต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะจาก “จีน” และ “อินเดีย” เมื่อเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ทำให้เหล่าผู้ผลิตต้องจำกัดการส่งออกสารเหล่านี้ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ต้องเสี่ยงที่จะขาดเเคลนยา
เเละแม้สารประกอบในการผลิตยาสามัญทั่วโลกจะถูกใช้โดยชาวอเมริกันถึง 40% แต่มีแค่ราว 10% เท่านั้นที่ผลิตในสหรัฐฯ
“นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการไม่ต้องพึ่งพายาจากต่างประเทศ” Peter Navarro ที่ปรึกษาด้านการค้าประจำทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Fox Business
Kodak ได้ทำสัญญาร่วมกับ สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (DFC) ว่าจะรับหน้าที่ผลิตสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม ซึ่งจะใช้ในกระบวนการผลิตยาที่ไม่ใช่ชีววัตถุ (non-biological) ยาที่ไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (non-antibacterial) และยาสามัญ สูงสุดถึง 25% ของปริมาณความต้องการในอเมริกา ซึ่งจะทำให้ Kodak กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยาชั้นนำของประเทศเลยทีเดียว
โดยจะมีการขยายโรงงานที่นครนิวยอร์กและรัฐมินนิโซตา เพื่อเป็นฐานการผลิตสารสำคัญของตัวยาที่สำคัญ เเละคาดว่าจะเพิ่มการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ถึง 1,500 ตำแหน่ง
Kodak เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งขึ้นมาตั้งเเต่ปี 1888 มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ราว 114.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เเต่ผลประกอบการไม่สู้ดีนักในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา หลังธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล เเละสมาร์ทโฟนที่เข้ามามีบทบาทแทนที่กล้องและฟิล์ม โดยการหันทิศทางธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตยาครั้งนี้ จึงถือเป็น “โอกาสครั้งสำคัญ” ที่บริษัทจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง