สหรัฐอเมริกา ถือเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่อง ความเข้มงวดสูง ในการจะเข้าประเทศ เนื่องจากต้องควบคุมการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และรักษาความมั่นคงของชาติจากการก่อการร้ายและอาชญากรรม โดยล่าสุด สหรัฐฯ มีแผนจะตรวจสอบ โซเชียลมีเดียย้อนหลัง 5 ปี สำหรับนักท่องเที่ยวบางคน ก่อนจะอนุญาตให้เข้าประเทศ
หน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ (U.S. Customs and Border Protection – CBP) มีแผนที่จะ ตรวจสอบประวัติโซเชียลมีเดียย้อนหลัง 5 ปี สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจาก อังกฤษ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในโครงการยกเว้นวีซ่า (Visa Waiver Program) ของสหรัฐฯ แต่ใช้การยื่นคำร้องผ่าน ระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการอนุมัติการเดินทาง (Electronic System for Travel Authorization – ESTA) เพื่อเยี่ยมชมประเทศเป็นเวลา 90 วันหรือน้อยกว่า
ไม่ใช่แค่บัญชีโซเชียลมีเดีย แต่หน่วยงานระบุว่า จะรวบรวมข้อมูลอื่น ๆ อาทิ อีเมลย้อนหลัง 10 ปี หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ใน 5 ปีที่ผ่านมา รวมถึงชื่อและรายละเอียดของสมาชิกในครอบครัว และนอกเหนือจากการตรวจสอบโซเชียลมีเดียแล้ว ผู้สมัครยังคาดว่าจะต้องอัปโหลด ภาพเซลฟี ซึ่ง CBP เชื่อว่า จะช่วยปรับปรุงกระบวนการคัดกรองและระบุได้ดียิ่งขึ้นว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ครอบครองเอกสารที่ใช้ในการขออนุมัติ ESTA โดยชอบธรรมหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่า มาตรการใหม่นี้อาจเป็นอุปสรรคให้กับผู้ที่อาจต้องการมาเยือนสหรัฐฯ รวมถึงอาจเป็นการละเมิดสิทธิทางดิจิทัล
ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุชายชาวอัฟกานิสถานถูกกล่าวหาว่ายิงสมาชิกหน่วย National Guard สองนายใกล้ทำเนียบขาว ส่งผลให้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกระดับมาตรการการเข้าประเทศ เพื่อจำกัดการเดินทางของผู้เดินทางจากต่างประเทศ
โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ประกาศว่า เขาจะเข้มงวดกฎระเบียบการเข้าเมือง รวมถึงการ ระงับการย้ายถิ่นฐานจาก ประเทศโลกที่สามอย่างถาวร โดยจะขยายการห้ามเดินทางไปยัง กว่า 30 ประเทศ ซึ่งประกาศครั้งแรกในเดือนมิถุนายนและก่อนหน้านี้ได้บล็อกการเดินทางเข้าสหรัฐฯ จาก 12 ประเทศ และจำกัดการเข้าถึงจากอีก 7 ประเทศ อาทิ อัฟกานิสถาน โซมาเลีย อิหร่าน และเฮติ



