ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งบริหารต่ออายุเงินเยียวยาชาวอเมริกันตกงานแจก 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ แต่ต่ำกว่าที่เคยได้ 600 ดอลลาร์/สัปดาห์ เมื่อเดือนที่แล้ว
รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯต่ออายุสวัสดิการว่างงานให้กับประชาชนชาวอเมริกันจำนวนมากที่ตกงานจากวิกฤต COVID-19
ทรัมป์กล่าวว่า คำสั่งที่เขาเพิ่งลงนามไปจะช่วยให้พลเมืองสหรัฐฯ ที่ตกงานได้รับเงินเยียวยา 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ แต่เป็นจำนวนที่น้อยกว่าที่เคยได้รับในเดือนก่อนหน้า 600ดอลลาร์/สัปดาห์
แต่เชื่อว่าอาจจะต้องมีการเผชิญหน้าทางกฎหมายเนื่องมาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ อนุญาตให้ แต่รัฐสภาคองเกรสเป็นผู้เห็นชอบในการพิจารณางบประมาณเท่านั้น
“นี่เป็นเงินที่พวกเขาต้องได้ นี่เป็นเงินที่พวกเขาต้องการ นี่เป็นแรงจูงใจให้คนเหล่านี้กลับไปทำงาน” ทรัมป์กล่าว และชี้ว่า 25% ของเงินที่ถูกจ่ายจะมาจากรัฐบาลมลรัฐ โดย CNN ชี้ว่ายังต้องมีการเจรจาต่อไปว่าแต่ละรัฐจะยอมจ่าย 25% ของจำนวน 400 ดอลลาร์ด้วยหรือไม่
ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายรีพับลิกันชี้ว่า การที่ให้สวัสดิการว่างงานมากเกินไปจะเป็นการกระตุ้นทำให้คนขี้เกียจ และไม่ยอมออกไปหางานทำ
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์รายงาน 2 วันก่อนหน้าว่า วิกฤตโรค COVID-19 ทำให้เกิดการตกงานครั้งใหญ่ขึ้นในสหรัฐฯ ที่เห็นตัวเลขรวมประชาชนชาวอเมริกันว่างงานขอรับสวัสดิการตกงาน 1.186 คนในสัปดาห์ที่ผ่านมา และพบว่าอเมริกันมากกว่าครึ่งกลัวที่จะตกงาน และมีบางส่วนยอมรับว่าา มีอายุมากเกินไปที่จะออกไปหางานใหม่ได้
เดนนิส ทินเดล (Denise Tindall) วัย 58 ปีอดีตพนักงานขับรถส่งนักเรียนในโรงเรียนการศึกษาเขตเชลบีย์ เคาน์ตี (Shelby County School District) เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ซึ่งเป็นลูกจ้างแบบสัญญาว่าจ้างทำงานมานานเกือบ 30 ปี แต่ถูกเลิกจ้างอย่างกะทันหันในเดือนเมษายนเมื่อโรงเรียนต้องหยุดไป และเธอยอมรับว่าจนถึงเวลานี้ ถึงแม้จะได้ยื่นขอรับเงินสวัสดิการช่วยเหลือไป แต่ยังไม่เคยรับเงินแม้แต่ครั้งเดียวและกล่าวอย่างท้อแท้ว่า ตัวเธออาจมีอายุมากเกินกว่าที่จะหางานใหม่ทำได้
ซึ่งมาจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม มีอเมริกันว่างงานจำนวน 25 ล้านคน ได้รับเงินสวัสดิการว่างงาน 600 ดอลลาร์/สัปดาห์แต่เพิ่งจะหมดอายุลงไป และอยู่ในระหว่างรอรัฐสภาสหรัฐฯ อนุมัติงบช่วยเหลือแพ็กเกจเยียวยาเพิ่มเติม
CNN รายงานว่า ในวันเสาร์ที่ 8 ส.ค. ทรัมป์ยังลงนามในหนังสือข้อตกลงความเข้าใจของการจ่ายภาษีวันหยุดสำหรับชาวอเมริกันที่มีรายได้ 100,000 ดอลลาร์/ปี เพื่อช่วยเหลือผู้ให้เช่าและเจ้าของอพาร์ตเมนต์ และหนังสือข้อตกลงความเข้าใจสำหรับการเลื่อนจ่ายเงินกู้ทางการศึกษา
“ผมต้องออกมาเพื่อเพิ่มเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 400 ดอลลาร์/สัปดาห์และการขยายสวัสดิการ เงินจำนวน 400 ดอลลาร์นี่ถือว่าใจกว้างมากแต่เราต้องการดูแลประชาชนของเรา”
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า เขาคาดหวังว่าเงินสวัสดิการว่างงานนี้จะได้รับการแจกจ่ายออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าการที่ผู้นำสหรัฐฯ เอาอำนาจการจ่ายงบการคลังออกไปจากมือสภาคองเกรสสร้างเสียงประณามออกมาจากฝั่งเดโมแครตที่ครองสภาล่างสหรัฐฯ ทันที
“โดนัลด์ ทรัมป์ พยายามที่จะให้คนหันความสนใจออกไปจากความล้มเหลวของเขาที่จะเพิ่มเงินเยียวยา 600 ดอลลาร์/สัปดาห์จากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ให้กับประชาชนชาวอเมริกันที่ตกงาน 30 ล้านคน ด้วยการออกคำสั่งทางบริหารที่ผิดกฎหมาย” สว. รอน ไวเดน (Ron Wyden) จากพรรคเดโมแครตประจำคณะกรรมาธิการด้านการเงินประจำสภาสูงสหรัฐฯ กล่าว
ด้านโจ ไบเดน ว่าที่ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตออกมาชี้ว่า ทรัมป์ทำให้ระบบประกันสังคมอเมริกันตกอยู่ในความเสี่ยงจากการที่ทรัมป์อนุญาตให้มีการเลื่อนการจัดเก็บภาษีที่จะถูกใช้เพื่อจ่ายโครงการสวัสดิการ โดยผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่า เขาต้องการให้เลื่อนออกไปแต่จะใช้ในกลุ่มประชาชนที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งภาษีเหล่านี้จะถูกใช้ในโครงการสวัสดิการสังคมและโครงการอื่นๆของรัฐบาลสหรัฐฯ
คำสั่งทางบริหารยังห้ามการไล่ผู้เช่าบ้านออกไปชั่วคราวจากที่อยู่อาศัยที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และยังขยายโครงการดอกเบี้ย 0% สำหรับเงินกู้ทางการศึกษาที่มาจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
ทั้งนี้ในวันศุกร์ที่ 7 ส.ค. ประธานสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครต แนนซี เพโลซี และผู้นำเสียงข้างน้อยประจำสภาสูงจากพรรคเดโมแครต ชัค ชูมเมอร์ เสนอที่จะยอมลดแพ็กเกจข้อเสนอเยียวยา COVID-19 ฝ่ายตนมูลค่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ได้ผ่านสภาล่างไปเมื่อพฤษภาคมล่าสุดลงไปเกือบ 1 ใน 3 หากว่าฝั่งรีพับลิกันจะยอมตกลงในการเพิ่มมากกว่าเท่าตัวของแพ็กเกจช่วยเหลือในฝ่ายตนเองของสภาสูงสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งทั้ง 2 ฝั่งยังคงมีความต่างในตัวเลขราว 2 ล้านล้านดอลลาร์
แต่ทว่าทีมเจรจาทำเนียบขาวรัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ สตีฟ มนูชิน และหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว มาร์ค เมโดว์ปฏิเสธข้อเสนอจากฝั่งเดโมแครต