Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok ส่งบันทึกข้อความถึงพนักงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ยืนยันว่า ByteDance บริษัทแม่จากจีนได้ลงนามในข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อ ขายหุ้นส่วนใหญ่ของธุรกิจในสหรัฐฯ ให้กับกลุ่มนักลงทุนอเมริกันและระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รายละเอียดโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่
ภายใต้ข้อตกลงนี้ กลุ่มผู้ร่วมลงทุนใหม่จะถือหุ้นใน TikTok สหรัฐฯ 45% ประกอบด้วย Oracle, Silver Lake และ MGX (บริษัทลงทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ถือหุ้นรายละ 15%
อีก 30.1% จะเป็นของบริษัทในเครือของผู้ลงทุนเดิมของ ByteDance ส่วน ByteDance ที่เป็นบริษัทแม่ถือหุ้นเหลือ 19.9%
ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มกราคม 2026 เป็นการยุติความพยายามนานหลายปีของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการบีบให้ ByteDance ขายกิจการเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ
โดยเบื้องหลังและการผลักดันจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้สั่งชะลอการบังคับใช้กฎหมายแบน TikTok เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยทรัมป์เผยว่าเขาได้ต่อสายตรงถึง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งทางผู้นำจีนก็ได้ส่งสัญญาณไฟเขียวให้ดีลนี้ดำเนินต่อไปได้
นอกจากนี้ Oracle (ซึ่งร่วมก่อตั้งโดย Larry Ellison ผู้สนับสนุนตัวยงของทรัมป์) จะได้รับสิทธิ์ในการใช้สถาปัตยกรรมอัลกอริทึมการแนะนำเนื้อหาของ TikTok และจะมีการ “รีเทรน” (Retrain) อัลกอริทึมใหม่โดยใช้ข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ เพื่อให้แน่ใจว่าการฟีดเนื้อหาจะปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก

เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความกังวล
แม้ดีลจะคืบหน้า แต่ก็ยังคงมีเสียง คัดค้าน โดยวุฒิสมาชิก Ron Wyden มองว่าการเปลี่ยนมือเจ้าของครั้งนี้ “ไม่ได้ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ชาวอเมริกันเลย” และยังไม่ชัดเจนว่าอัลกอริทึมจะตกอยู่ในมือที่ปลอดภัยกว่าเดิมจริงหรือไม่
ด้านกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยในสหรัฐฯ กว่า 7 ล้านรายที่ใช้ TikTok ในการทำมาหากิน ต่างเฝ้ารอดูว่าเจ้าของใหม่จะยังคงรักษาจุดเด่นของแพลตฟอร์มไว้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะระบบการแบ่งผลกำไรที่ TikTok ทำได้ดีกว่าคู่แข่งอย่าง Meta



