เจาะแผนรุกตลาดอินเดียของ ‘Google’ และ ‘Jio’ ในวันที่ ‘จีนล้ม’ ต้องรีบ ‘ข้าม’

ในช่วงเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา บริษัท ‘Jio’ เทคคอมปานีที่ร้อนแรงที่สุดของอินเดีย ได้รับเงินทุนมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจาก ‘Facebook’ และ ‘Google’ และทาง Google ได้เปิดเผยว่าจะร่วมกับ Jio เพื่อลงทุนในการผลิตสมาร์ทโฟน ‘ราคาถูก’ ซึ่งคนที่น่าห่วงที่สุดก็คือ ‘แบรนด์จีน’ ที่ครองตลาดในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก

จีน ‘ล้ม’ ต้อง ‘ข้าม’

ทุกคนรู้ว่าสถานการณ์ความสัมพันธ์ของจีน-อินเดียนั้นไม่สู้ดีนักหลังจากเกิดการปะทะกันของทหารบริเวณชายแดนจีน-อินเดีย ส่งผลให้เกิดกระแสบอยคอตสินค้าจีน ขณะที่รัฐบาลอินเดียก็ออกมาแบนแอปพลิเคชันจากจีนกว่า 49 รายการ ด้วยความกังวลด้านความปลอดภัย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘TikTok’ ดังนั้น นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีในการรุกตลาดอินเดียอย่างมาก

โดย Google ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ามีการเทเงิน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Jio Platforms ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี โดยจะใช้เงินบางส่วนเพื่อพัฒนาสมาร์ทโฟนราคาถูกสุด ๆ ในการเข้าถึงตลาดระดับล่างขนาดใหญ่ของอินเดีย ซึ่งตลาดอินเทอร์เน็ตบนมือถือของอินเดียมีการเติบโตอย่างมาก แม้ชาวอินเดียราว 450 ล้านคนมีสมาร์ทโฟนอยู่แล้วตามการวิจัยของ Counterpoint แต่ยังมีประชากรกว่า 500 ล้านคนยังไม่มีสมาร์ทโฟน ดังนั้น สมาร์ทโฟนแบรนด์ Jio อาจได้รับประโยชน์จากการต่อต้านจีนที่เพิ่มขึ้นในอินเดีย

ตลาดอินเดียเริ่มสั่นคลอน

ในตลาดสมาร์ทโฟนอินเดีย ‘แบรนด์จีน’ ถือเป็นผู้เล่นหลักที่ครองตลาดมานาน โดยตามรายงานของบริษัทวิจัย Canalys ระบุว่า ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้แบรนด์จีนครองสัดส่วนถึง 75% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ ‘ซัมซุง’ (Samsung) อดีตผู้นำเบอร์ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนโลกมียอดขายเพียง 16.8% นับเป็นผู้เล่นเบอร์ 3 ในตลาดอินเดีย ส่วนเบอร์ 1 ได้แก่ ‘เสียวหมี่’ (Xiaomi) เป็นผู้นำในหมวดนี้ด้วยส่วนแบ่ง 30.9% ตามมาด้วย วีโว่ (Vivo) ที่ 21.3%

และเมื่อพิจารณาจากราคาขายดีพบว่าตลาดสมาร์ทโฟนราคาประหยัดในอินเดียตอนนี้เต็มไปด้วยโทรศัพท์ที่มักขายในราคา 70 ดอลลาร์สหรัฐ (2,100 บาท) ถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐ (3,000 บาท) โดยนักวิเคราะห์ของ Counterpoint Research และ IDC คาดว่า ทั้ง google และ Jio จะพัฒนาสมาร์ทโฟนในราคาต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ โดย Kiranjeet Kaur ผู้จัดการฝ่ายวิจัยอาวุโสของ IDC ตั้งข้อสังเกตว่าสมาร์ทโฟนที่ราคาสูงกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ นั้นแพงเกินกว่าที่ชาวอินเดียในชนบทส่วนใหญ่จะสามารถจ่ายได้

ดังนั้น สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นราคาถูกจาก Jio และ Google อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชาวจีนที่พยายามเจาะกลุ่มผู้ที่จะเริ่มใช้อินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก แถม Canalys รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนในอินเดียลดลง 50% ในไตรมาสที่แล้วเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปิดร้านและภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ดังนั้นสมาร์ทโฟนที่ถูกกว่าน่าจะยิ่งตอบโจทย์

โอกาสของกูเกิลที่มากกว่า ‘สมาร์ทโฟน’

Gateway House คาดว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนของประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือ 900 ล้านคนภายในปี 2568 เนื่องจากระดับรายได้เพิ่มขึ้นและสมาร์ทโฟนราคาถูกลง แต่การขายสมาร์ทโฟนราคาถูกพิเศษน่าจะไม่ทำให้ Jio ทำเงินมากนัก ดังนั้น ความต้องการจริงน่าจะมาจากค่าบริการโทรศัพท์และการใช้งานดาต้าอื่น ๆ รวมถึงการนำเสนอแอปสำหรับดูหนังสตรีมเพลงและซื้อของออนไลน์อยู่แล้ว ดังนั้น เป็นเรื่องของการสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้มากกว่า

“อินเดียกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี โดยปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่ยังใช้ฟีเจอร์โฟนบนเครือข่าย 2G ดังนั้น การใช้สมาร์ทโฟน 4G หรือ 5G จะเป็น “win-win” สำหรับทั้งสอง เนื่องจาก Jio สามารถจัดหาแผนโปรโมชั่นแพ็กเกจใช้งานดาต้าให้กับผู้ใช้รายใหม่ในขณะที่ Google ให้บริการ YouTube, การค้นหา, แผนที่และแอปอื่น ๆ” Blaise Fernandes ผู้อำนวยการของ Gateway House กล่าว

ปัจจุบัน Android มีสัดส่วนในตลาดอินเดียถึง 91% ของระบบปฏิบัติการมือถือที่ใช้ในปี 2019 ตามข้อมูลของ Statista และยิ่ง Google สามารถเพิ่มผู้ใช้ลงในระบบ Android ได้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะสามารถขายโฆษณาให้กับผู้ใช้เหล่านี้ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้ายของบริษัท โดยที่ผ่านมา รายได้จากโฆษณาถือเป็นสัดส่วนใหญ่ของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 80% ของมูลค่าการซื้อขาย 162 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว

“อินเดียยังเป็นความฝันสำหรับบริษัทเทคโนโลยี ขณะที่ Big Data ที่ Google สามารถเก็บเกี่ยวได้จากผู้ใช้สมาร์ทโฟนชาวอินเดียทั้งใหม่และที่มีอยู่ ซึ่งจะช่วยให้เขาเข้าถึงได้ดีขึ้นและกลับมามียอดขายโฆษณาและรายได้จากการสมัครรับข้อมูลที่ดีขึ้น”

ความเชื่อมั่นในชาตินิยมของอินเดียกำลังเพิ่มสูงขึ้น เพราะก่อนที่ประเทศจะมีข้อพิพาทกับจีน นายกรัฐมนตรีโมดีและพรรคการเมืองในปกครองของเขาได้ผลักดันแนวคิด ‘India first’ โดยเฉพาะการเลือกใช้เทคโนโลยีมาหลายปีแล้ว ดังนั้น เหล่าเทคคอมปานีจากจีนกำลังเจอโจทย์ที่ยากยิ่งขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ปัญหาข้อพิพาท แต่ ‘ค่านิยม’ ของคนอินเดียเองกำลังจะเปลี่ยนไป

Source