TikTok ออกมาเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงการเหยียบย่ำเสรีภาพ กระทบผู้ใช้งานชาวอเมริกัน 170 ล้านคน หลังจากที่สภาได้ไฟเขียวบีบให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ให้ขายกิจการภายใน 1 ปี หรือไม่ก็ถูกแบน ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าไม่ได้มีรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐถือหุ้นหรือถูกควบคุมแต่อย่างใด
TikTok ได้เตือนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่สภาสหรัฐฯ ได้บีบให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอสั้นให้ขายกิจการภายใน 1 ปี ไม่งั้นแล้วจะถูกแบน โดยมองว่ากฎหมายดังกล่าวขัดกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกัน
โฆษกของ TikTok ได้ออกมาประณามร่างกฎหมายนี้ โดยกล่าวว่า ข้อกฎหมายดังกล่าวเหยียบย่ำเสรีภาพทางความคิดของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน ซึ่งบริษัทมองว่าเรื่องดังกล่าวนั้นสร้างผลกระทบต่อเสรีภาพของประชาชน ทำลาย 7 ล้านธุรกิจในสหรัฐอเมิกา และถือเป็นการปิดแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ TikTok ยังได้ยืนยันว่าบริษัทไม่เคยเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาให้กับรัฐบาลจีนแต่อย่างใด และข้อมูลของผู้ใช้งานนั้นก็ถูกเก็บไว้ในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่บริษัทได้จับมือกับ Oracle ในการใช้บริการคลาวด์เพื่อเก็บข้อมูลดังกล่าว
ไม่เพียงเท่านี้โฆษกของ TikTok เองยังได้กล่าวว่า ByteDance ไม่ได้มีเจ้าของหรือถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ
สำหรับข้อกฎหมายดังกล่าวได้บีบให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมา หรือไม่ก็ถูกแบน ซึ่ง ส.ส. ของทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเองต่างเห็นพ้องต้องกันในการออกข้อกฎหมายดังกล่าว โดยมองถึงเรื่องความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีกฎหมายดังกล่าวได้แก้ไขโดยยืดเวลาให้เป็น 1 ปี จากเดิมซึ่งใช้เวลา 6 เดือน
ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Shou Chew ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทได้กล่าวว่าบริษัทจะต่อสู้ทางกฎหมายในเรื่องดังกล่าว โดยมองว่าข้อกฎหมายดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา
ถ้าหากกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านวุฒิสภาสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย ก็อาจทำให้ ByteDance เหลือเวลาตัดสินใจเพียงแค่ 9 เดือนเท่านั้นว่าจะขาย TikTok ออกมาหรือไม่ อย่างไรก็ดีถ้าหากคดีดังกล่าวขึ้นศาลแล้วนั้นผู้เชี่ยวชาญก็มองว่าก็ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าคดีความจะสิ้นสุด
ที่มา – BBC, CBS News, Reuters, CNN