เมเจอร์ฯ ชูแบรนด์ “เมทริส” ใช้งานออกแบบสไตล์ “เรโทร” พ่วงเลี้ยงสัตว์ได้เจาะ “ตลาดแมส”

คอนโดมิเนียมแบรนด์ “เมทริส” ของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเปิดตัวเพื่อเจาะตลาดกลางบนราคา 100,000-150,000 บาทต่อตร.ม. ขณะนี้สร้างเสร็จแล้ว 2 โครงการ ทำให้เห็นภาพแบรนด์ชัดเจนขึ้นว่ามีทิศทางอย่างไร โดยแบรนด์เมทริสชูคอนเซ็ปต์ที่ค่อนข้างแหวกจากตลาด เพราะใช้งานดีไซน์แบบ Modern Mid-Century ซึ่งมีกลิ่นอายย้อนยุคมาเป็นจุดขาย แตกต่างจากแบรนด์อื่นที่มักจะ ‘play safe’ กับตลาดแมสแบบนี้

ปัจจุบัน บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ “เมทริส” แล้ว 3 แห่ง คือ เมทริส พระราม 9-รามคำแหง, เมทริส ลาดพร้าว และ เมทริส พัฒนาการ-เอกมัย โดย 2 โครงการแรกสร้างเสร็จแล้วพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ส่วนโครงการสุดท้ายจะเริ่มโอนราวไตรมาส 2/64

“เพชรลดา พูลวรลักษณ์” กรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวถึงแบรนด์เมทริสว่าเริ่มเปิดตัวโครงการแรกเมื่อปี 2560 เป็นแบรนด์ที่เมเจอร์ลงมาจับตลาดแมสมากขึ้น คือคอนโดฯ กลุ่มราคา 100,000-150,000 บาทต่อตร.ม. จากเดิมจับกลุ่มคอนโดฯ ระดับลักชัวรีราคา 150,000 บาทต่อตร.ม.ขึ้นไปมาตลอด ได้แก่แบรนด์ เอ็ม, มาเอสโตร และ Signature Collection ที่จะมีชื่อเฉพาะแต่ละโครงการ

(ซ้าย) ผดาพร มูลศาสตร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ และ (ขวา) “เพชรลดา พูลวรลักษณ์” กรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์

แม้ว่าจะลงมาจับกลุ่มตลาดแมส แต่เพชรลดามองว่าบริษัทยังต้องการคงเอกลักษณ์เรื่องงานดีไซน์ไว้ ขณะที่เมื่อมองกลุ่มลูกค้าตลาดนี้ที่เป็นกลุ่มคนอายุ 25-35 ปี จึงเลือกนำคอนเซ็ปต์ดีไซน์แบบ Modern Mid-Century มาใช้ เป็นสถาปัตยกรรมที่ใช้รูปทรงเรขาคณิตเป็นหลัก และเลือกใช้สีสันที่ค่อนข้างโดดเด่น

“คนรุ่นนี้คือรุ่นเจนวายเป็นเด็กที่เกิดในบ้านของพ่อแม่ยุคเบบี้บูม ยุคที่บ้านใช้งานดีไซน์แบบ 1980s ทำให้มีความคุ้นเคย” เพชรลดากล่าว

แต่ละโครงการของแบรนด์เมทริสจึงใช้สีตึกแตกต่างกัน อย่างโครงการที่พระราม 9 เป็นสีดำ-ขาว โครงการที่ลาดพร้าวเป็นสีเขียวเข้ม ขณะที่โครงการพัฒนาการเป็นสีเหลืองสด ทำให้ทุกแห่งมี “เอกลักษณ์” และแตกต่างจากตึกรอบๆ

รูปแบบงานดีไซน์ของเมทริสทั้ง 3 โครงการ

 

“เสี่ยง” เพื่อสร้าง “ความแตกต่าง”

การเลือกใช้คอนเซ็ปต์ Modern Mid-Century มาดีไซน์ตึก เป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ท่ามกลางแบรนด์ตลาดแมสส่วนใหญ่มักจะเลือกคอนเซ็ปต์แบบที่คนส่วนใหญ่มักจะชอบ นั่นคือตึกแนว Modern เรียบๆ ใช้สีโทนกลางๆ อย่างขาว ดำ เทา น้ำตาล เป็นหลักในการออกแบบ

แต่เมเจอร์เลือกที่จะออกแบบตึกสีเขียวหรือสีเหลืองแบบย้อนยุค โดยมองว่าคนเจนวายจำนวนไม่น้อยชื่นชอบสไตล์เรโทร เพียงแต่ต้องปรับดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันด้วย

ส่วนล็อบบี้โครงการเมทริส พระราม 9-รามคำแหง

“ลูกค้าตลาดแมสไม่ได้อยากได้ตึกที่แมสเสมอไป ดูจากตัวเราเองยังอยากไปเที่ยวในสถานที่ที่แตกต่าง มีดีไซน์ ถ่ายรูปแล้ว Instagramable เราคิดว่าลูกค้าที่ต้องการความเป็นเอกลักษณ์จะชอบโครงการแบบนี้” ผดาพร มูลศาสตร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาด บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์กล่าว

 

ชูจุดขาย “คอนโดฯ เลี้ยงสัตว์ได้”

นอกจากใช้งานดีไซน์ที่แตกต่างแล้ว เมเจอร์เองยังมีทีเด็ดที่แตกต่างจากโครงการอื่น คือคอนโดฯ จะเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (pet-friendly) ทุกโครงการ มีการออกแบบการก่อสร้างผนังก่ออิฐเพื่อกันเสียงได้ดีขึ้นกว่าการใช้ผนังพรีคาสต์ และมีพื้นที่ Pet-Zone ให้สัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นได้

โดยเมเจอร์อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้บางชนิด คือ สุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงที่ไม่รบกวนทางเสียง เช่น กระต่าย (อยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่ม “นก” ไว้ในรายการอนุญาต) โดยต้องเป็นสัตว์เล็กน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม และมีใบรับรองสัตว์เลี้ยง (Pet Certificate) จากสัตวแพทย์

ทั้งนี้ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเมื่อลงทะเบียนเลี้ยงสัตว์ในโครงการ ได้แก่ ค่ามัดจำความเสียหายตัวละ 5,000 บาท (ได้รับคืนเมื่อถอนทะเบียนการเลี้ยงสัตว์) และค่าส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวละ 3,600 บาทต่อเดือน

สวนรูฟท็อปโครงการเมทริส พระราม 9-รามคำแหง สามารถนำสัตว์เลี้ยงขึ้นมาวิ่งเล่นได้

ผดาพรเชื่อว่าจะเป็นอีกจุดขายหนึ่งที่เสริมเข้ามา เพราะคนเจนวายจำนวนมากนิยมเลี้ยงสัตว์แทนการมีลูก ขณะที่การอยู่คอนโดฯ ได้รับความนิยมแต่มักจะไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ ดังนั้นเมเจอร์น่าจะได้เปรียบในจุดนี้ ทั้งนี้ จากการสอบถามพนักงานขายโครงการเมทริส พระราม 9-รามคำแหง พบว่าลูกบ้านที่เข้าอยู่แล้วราว 30% เข้าลงทะเบียนเลี้ยงสัตว์ในโครงการ

ยอดขายปัจจุบันของ เมทริส พระราม 9-รามคำแหง มียอดขายแล้ว 80% ราคาเริ่มต้น 3.1 ล้านบาท, เมทริส ลาดพร้าว มียอดขายแล้ว 70% ราคาเริ่มต้น 3.88 ล้านบาท และ เมทริส พัฒนาการ-เอกมัย มียอดขายแล้ว 50% ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท

การตัดสินใจซื้อคอนโดฯ สักห้อง ปัจจัยสำคัญมีมากมายในการเลือก ตั้งแต่เรื่องทำเล ราคา เลย์เอาต์ห้อง สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึง “หน้าตาตึก” ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งหมัดฮุกมัดใจหรือข้อด้อยก็ได้ แล้วแต่ว่าลูกค้าจะมีรสนิยมตรงกันกับดีเวลอปเปอร์หรือไม่