“อังกฤษ” เตรียมจำกัดห้ามรวมตัวเกิน 6 คน หลังยอดผู้ป่วย COVID-19 พุ่งสูงอีกระลอก

Photo : Shutterstock
นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษ สั่งเพิ่มมาตรการคุมเข้ม COVID-19 และเตรียมจำกัดการรวมตัวเกินกว่า 6 คนทั่วประเทศในสัปดาห์หน้า หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อในเมืองผู้ดีกลับมาพุ่งสูงจนเป็นที่น่ากังวล โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยหนุ่มสาว

ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. การรวมตัวในที่สาธารณะ และสถานที่ปิดจะถูกจำกัดจากเดิม 30 คน เหลือแค่ไม่เกิน 6 คน โดยมีข้อยกเว้นให้ในบางกรณี

รัฐบาล จอห์นสัน ยังจัดแคมเปญรณรงค์ที่ใช้ชื่อว่า “Hands. Face. Space” เพื่อย้ำเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการล้างมือ สวมหน้ากาก และเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส

อังกฤษมีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 มากกว่า 41,500 คน สูงสุดในภูมิภาคยุโรป และแม้อัตราการเสียชีวิตในขณะนี้จะลดต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค. เป็นต้นมา แต่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่กลับพุ่งสูงขึ้นในระดับเกือบ 3,000 คนต่อเนื่องมานานหลายวัน

สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์เห็นตรงกันว่าจำเป็นจะต้องมี “มาตรการเร่งด่วน” เพื่อลดการแพร่เชื้อ

โดยตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 ก.ย. รัฐบาลจะห้ามการรวมกลุ่มเกินกว่า 6 คนทั่วประเทศ ทั้งในสถานที่ปิดและภายนอกอาคาร โดยยกเว้นเฉพาะสถานศึกษา, สถานที่ทำงาน, งานแต่งงาน, งานศพ และการแข่งขันกีฬาเป็นทีม โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับระหว่าง 100-3,200 ปอนด์

แมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ระบุว่า จากการติดตามผู้ป่วยพบว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เชื้อ COVID-19 กลับมาระบาดหนักอีกครั้งก็คือการพบปะสังสรรค์ในกลุ่มคนอายุระหว่าง 20-30 ปีเศษ

รัฐมนตรีผู้นี้เตือนว่า แม้คนอายุน้อยมักไม่มีอาการป่วยที่รุนแรง แต่อาจจะนำเชื้อไวรัสไปแพร่ให้แก่บุคคลใกล้ชิดที่เป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น ปู่ย่าตายาย เป็นต้น

อังกฤษมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่รวมทั้งสิ้น 2,988 รายในวันอาทิตย์ที่ 6 ก.ย. วันจันทร์ที่ 7 ก.ย. 2,948 ราย และวันอังคารที่ 8 ก.ย. 2,460 ราย ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากจากสถิติวันละประมาณ 1,000 คนในช่วงเดือน ส.ค.

Source