ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ของสหราชอาณาจักรดิ่งลงกว่า 20% ในไตรมาส 2 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี แต่หลังจากนั้นก็เห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยในเดือนพฤษภาคมเติบโต 2.4% เดือนมิถุนายนเติบโต 8.7% และในเดือนกรกฎาคมสามารถเติบโต 6.6% ซึ่งเป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์จากสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้การเติบโตของ GDP สหราชอาณาจักรเติบโตติดต่อกัน 3 เดือนมาจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ร้านค้า ร้านอาหาร ผับบาร์ และธุรกิจต่าง ๆ กลับมาดำเนินงานได้อีกครั้ง โดยที่พักและบริการอาหารเพิ่มขึ้น 140.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวยังไม่สามารถเทียบเท่าก่อนเกิดการระบาดของ COVID-19 โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ GDP ของสหราชอาณาจักรสามารถขยายตัวที่ระดับ 11.7%
“แม้ว่าจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องบนเส้นทางการฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรก็ยังคงต้องสูญเสีย GDP ไปเกือบครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่เริ่มระบาด” ผู้อำนวยการฝ่ายสถิติเศรษฐกิจ ONS กล่าว
Thomas Pugh นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics ของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า อัตราการเติบโตที่ติดลบเป็นประวัติการณ์ของ GDP ในไตรมาสที่สองถึง 20.4% แต่ในไตรมาสสามจะมีอัตราการเติบโตในเชิงบวก แม้การเติบโตของเดือนกรกฎาคมชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน
“อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอย่างเต็มที่อาจจะไม่สามารถทำได้จนถึงต้นปี 2565 หากเกิดการระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นรอบที่สอง รวมถึงการที่อังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหภาพยุโรปภายในสิ้นปีนี้”
