ที่ผ่านมาได้มีสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจหลายสำนักได้ออกมาประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ว่า จะเดินไปในทิศทางใด อย่าง SCB EIC คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโต 2.4% จากเดิมประเมินไว้จะเติบโตที่ 2.8% ส่วนศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินจะเติบโต 2.4% ช้ากว่าปี 2567 ที่โต 2.6%
ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ‘ธนวรรธน์ พลวิชัย’ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์ดังกล่าว และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ไว้ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะมีสัญญานการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอยู่ที่ 2.8-3% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านอยู่ในกรอบ 2.6-2.8% ซึ่งการฟื้นตัวดังกล่าวจะอยู่ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ภายใต้ 3 สัญญาณชี้วัดที่ต้องจับตา
ปัจจัยแรก ‘Trade War’ จะรุนแรงหรือไม่ และส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศไทยมากน้อยเพียงใด
ปัจจัยที่ 2 ‘ภาวะสงครามจริง จะยุติหรือไม่’ นั่นคือ สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงสงครามในตะวันออกกลาง ที่จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อภาวะราคาน้ำมันโลก และภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจ โดยต้องจับตามองในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2568 หลังจาก ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ
ปัจจัยที่ 3 ‘มาตรการภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยจะมีผลเพียงใด’ โดยช่วงปลายปีที่ผ่านมารัฐบาลได้เริ่มอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เช่น โครงการ Easy e-receipt ตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568 คาดจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 30,000-50,000 ล้านบาท
รวมถึงมีแคมเปญ ‘คุณสู้เราช่วย’ และแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุ ฯลฯ รวมแล้วจะมีเม็ดเงินที่ภาครัฐอัดฉีดเข้ามาเกือบ 100,000 ล้านบาท โดยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ต่อเนื่องมาไตรมาส 2 ของปี 2568 และส่งผลให้ทิศทางเศรษฐกิจไทยจะมีการฟื้นตัวแบบกระจายตัวไปทั่วประเทศ
แต่จุดเปลี่ยนที่ต้องตาม คือ หลายฝ่ายมีการวิเคราะห์ถึงความห่วงใยเกี่ยวกับ ‘เสถียรภาพทางการเมืองไทย’ ที่เห็นภาพของความสับสนทางการเมืองเกิดขึ้นแล้ว และต้องตามอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ไตรมาส 1 ไปจนถึงพฤษภาคม 2568 ที่จะชี้ว่า ‘การเมืองนิ่งแค่ไหน’ และเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เห็นภาพของเศรษฐกิจไทยจะนิ่งได้แค่ไหน
หากสถานการณ์ทางการเมือง ‘ไม่นิ่ง’ และเกิดปัญหาบานปลายจนต้องยุบสภาในไตรมาส จะส่งผลต่อการพิจารณางบประมาณปี 2569 ที่จะต้องล่าช้า เกิดเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยการพิจารณางบประมาณปี 68 ซึ่งจะกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน