โลกโซเชียลร้อนแรงอีกแล้ว เมื่อ “ปลาวาฬ-วรสิทธิ์” เจ้าของและผู้บริหารโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต โพสต์สตอรี่ไอจีแสดงความไม่เห็นด้วยและเรียกร้องให้ดำเนินคดี “รุ้ง-ปนัสยา” แกนนำผู้ชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. 63 ทำให้ชาวเน็ตฝั่งผู้ชุมนุมติดแฮชแท็กโต้กลับ #แบนศรีพันวา พร้อมเข้าไปรีวิวผ่าน Google Maps จนเหลือ 3.9 ดาว และร้องถามเอกสารสิทธิ์ที่ดินของรีสอร์ต แต่งานนี้จะกระทบแบรนด์ได้จริงแค่ไหน เมื่อมวลชนโต้กลับอาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้า
หลังการชุมนุมของม็อบวันที่ 19 ก.ย. 63 ณ ท้องสนามหลวงผ่านไป มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งบวกและลบจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ต และหนึ่งในผู้ที่แสดงความคิดเห็นกับเหตุการณ์นี้คือ “ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ อิสสระ” ประธานกรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด, กรรมการผู้จัดการ ศรีพันวา และ บาบา บีช คลับ เจ้าของโรงแรมศรีพันวาอันเลื่องชื่อบนเกาะภูเก็ต
วรสิทธิ์โพสต์ไอจีสตอรี่บัญชี wan.issara ในช่วงหลัง รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุม โดยเขาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการปราศรัยของปนัสยา ระบุข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า “เธอไม่ใช่คนไทย!” และ “คนๆ นี้ต้องเข้าไปอยู่ในคุก” “จับเด็กคนนี้ซะ”
โพสต์ของวรสิทธิ์เรียกกระแส “ทัวร์ลง” จากกลุ่มผู้เห็นด้วยกับการชุมนุมจนเกิดการติดแฮชแท็ก #แบนศรีพันวา บนทวิตเตอร์ โดยรณรงค์ให้ไม่ไปใช้บริการโรงแรมศรีพันวาที่วรสิทธิ์เป็นเจ้าของ ชักชวนให้รีวิวโรงแรมบน Google Maps และ Tripadvisor เพื่อสื่อสารทั้งกับคนไทยและชาวต่างชาติถึงสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงตั้งข้อสงสัยต่อเอกสารสิทธิ์ที่ดินโรงแรมศรีพันวา
แบนโรงแรมหรู…คนแบนกับคนพักจริงอาจไม่ตรงกัน
จนถึงขณะนี้ รีวิวใน Google Maps ของโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ลดลงเหลือ 3.9 ดาว เทียบกับโรงแรมไฮเอนด์ระดับเดียวกันในภูเก็ตที่จะได้ดาว 4.4-4.6 ดาว
แต่การรีวิวเหล่านี้จะเป็นผลแค่ไหนกับโรงแรม เมื่อกลุ่มเป้าหมายของศรีพันวาเป็นนักท่องเที่ยวระดับบนแบบ Top 1% ที่มีกำลังซื้อห้องพักคืนละ 13,000 บาทขึ้นไป โดยมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวไทย 35% ต่างชาติ 65% ในสัดส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนราว 25% ส่วนอีก 40% ที่เหลือคละกันทั้งชาวเอเชีย อเมริกัน รัสเซีย ยุโรป ตะวันออกกลาง
ขณะที่โรงแรมอื่นในเครืออย่าง บาบา บีช คลับ ภูเก็ต จะมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงขึ้นอีก แต่ถ้าเป็น บาบา บีช คลับ หัวหิน จะมีนักท่องเที่ยวไทยมากกว่าต่างชาติ
ทั้งนี้ หลังจากเกิดสถานการณ์ COVID-19 แน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายระยะนี้แทบจะต้องพึ่งพิงคนไทยล้วนๆ เหมือนกับโรงแรมอื่น โดยโรงแรมศรีพันวาเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันของรัฐบาล หากใช้สิทธิ์ลดราคาจะลดห้องพักลงมาเริ่มต้นเพียง 8,000 บาทต่อคืน เป็นราคาที่คนชั้นกลางบนเข้าถึงได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ก็ยังไม่ใช่ราคาตลาดแมส ทำให้การ #แบนศรีพันวา ครั้งนี้เกิดคำถามว่า จะทำได้สำเร็จหรือไม่ในเมื่อสินค้าไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเข้าถึง อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายหากวัดในแง่ช่วงวัยก็อาจจะไม่ตรงกับกลุ่มเจนวายและเจนซีที่ร่วมการชุมนุมอยู่ในขณะนี้มากนัก
หรือถ้ามองในระยะยาวเมื่อประเทศไทยเปิดประเทศได้เป็นปกติ โรงแรมที่กลับไปพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นก็อาจจะไม่ได้รับผลกระทบใดจาก “การเมือง” ที่เข้ามาซ้อนทับกับแบรนด์
ภาพลักษณ์ของดาราเซเลบ
อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง กลุ่มลูกค้าไทยของศรีพันวาที่ผ่านมา คนกลุ่มใหญ่ที่เข้าพักคือดารา นักร้อง นางแบบ คนดังในวงการบันเทิง หมุนเวียนกันมาพักผ่อนในรีสอร์ตสุดหรูแห่งนี้ พร้อมถ่ายรูปสวยๆ ลงโซเชียลมีเดีย บรรยากาศดีๆ ของโรงแรมทำให้คนดังก็ได้คอนเทนต์เรียกยอดไลก์และฟอลโลเวอร์ ส่วนโรงแรมก็ได้การประชาสัมพันธ์จนศรีพันวาเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของหลายคนเมื่อมาภูเก็ต และวิธีนี้ก็เป็นหมัดเด็ดการตลาดของศรีพันวาเลยก็ว่าได้
View this post on Instagram
แต่เมื่อเกิด “ดราม่า” ทางการเมืองเช่นนี้แล้ว สำหรับคนดังที่ไม่ต้องการมีภาพเกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ อาจจะตัดสินใจ “เบรก” การเข้าพักที่นี่ก่อนก็ได้ อย่างน้อยก็ในระยะนี้ เพื่อไม่ให้ “ทัวร์ลง” ช่องทางของตนเองไปด้วย
สรุปผลกระทบทางตรงอาจจะไม่เกิดกับโรงแรมศรีพันวาด้วยกลุ่มลูกค้าที่จับตลาดบนเป็นหลัก ช่วงวัยมีแนวโน้มที่จะไม่ใช่กลุ่มผู้ที่เห็นด้วยกับการชุมนุมในครั้งนี้ แต่อาจจะมีผลกระทบทางอ้อมต่ออินฟลูเอนเซอร์ซึ่งเลือกพักเพื่อเสริมภาพลักษณ์ให้ตนเอง ทำให้โรงแรมเสียโอกาสไปบ้างในการประชาสัมพันธ์ผ่านคนดัง
การแบนศรีพันวาครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่การแบนในเชิงการไม่ใช้บริการ การไม่เข้าพัก แต่เป็นการแบนเชิงสัญลักษณ์ แม้กระแสคนแบนศรีพันวาอาจจะไม่ตรงกับกลุ่มคนเข้าพัก หรือคนที่แบนอาจจะไม่เข้าพักที่นี่ก็ได้ แต่ก็เป็นคนจุดประเด็นให้สังคมตั้งข้อสงสัยเรื่อง “กรรมสิทธิ์ที่ดินของโรงแรม” ยิ่งเป็นงานหนักของการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เพิ่มเข้าไปอีกโจทย์หนึ่ง
ต้องดูกันยาวๆ ต่อไปว่ากระแสจะหนักและยาวแค่ไหน
“เกร็ดเกี่ยวกับโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต”
โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ตเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินขนาด 80 ไร่บนแหลมพันวา จ.ภูเก็ต ซึ่ง “สงกรานต์ อิสสระ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) คุณพ่อของวรสิทธิ์ เป็นผู้เล็งเห็นทำเลงามระหว่างแล่นเรือใบหน้าแหลมพันวา เมื่อมองจากทะเลเห็นว่าแหลมนี้เหมาะแก่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพราะเห็นวิวทะเลได้รอบทิศทาง หลังสำรวจที่ดินอื่นๆ ในเกาะภูเก็ตนานนับสิบปี สุดท้ายบริษัทตัดสินใจเข้าซื้อที่ดินแปลงนี้ช่วงปี 2544-45
ในช่วงที่สงกรานต์ซื้อที่ดินจะพัฒนาวิลล่าหรูเพื่อขายขาด วรสิทธิ์ซึ่งจบด้านการโรงแรมจากต่างประเทศในวัย 25 ปีมองว่าที่ดินนี้ควรสร้างโรงแรมควบคู่ไปด้วย ทำให้โครงการศรีพันวาจะมีทั้งส่วนโรงแรมและส่วนวิลล่าสำหรับขาย โดยสงกรานต์ยกหน้าที่ให้วรสิทธิ์เป็นผู้บริหารนับแต่นั้น
โรงแรมเปิดตัวในปี 2546 ปัจจุบันมีพูลวิลล่าทั้งหมด 52 ยูนิต และห้องพักพร้อมสระว่ายน้ำบนอาคารโซนเดอะ ฮาบิตา รวม 30 ห้อง
วรสิทธิ์ได้ปั้นจนโรงแรมเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ของไทยและทั่วโลก ก่อนจะเปิดตัวโรงแรมใหม่เสริมทัพในเครือเมื่อปี 2560 คือ บาบา บีช คลับ ภูเก็ต และ บาบา บีช คลับ หัวหิน ซึ่งเป็นโรงแรมระดับไฮเอนด์เช่นเดียวกัน
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม : gotomanager