Cineworld จำใจปิดโรงหนังใน UK – อเมริกา ชั่วคราว เซ่นพิษ “เจมส์ บอนด์” เลื่อนฉายไปปีหน้า

Photo : cineworld.co.uk

อุตสาหกรรมภาพยนตร์ต้องตกที่นั่งลำบากอย่างสาหัส เมื่อการเเพร่ระบาดของ COVID-19 สะเทือนไปทั้งวงการ จากต้นน้ำอย่างผู้ผลิต ไปจนถึงปลายน้ำอย่างคนดู

ล่าสุด Cineworld เจ้าของเครือข่ายโรงหนังรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เตรียมจะปิดให้บริการชั่วคราวในสหราชอาณาจักรเเละอเมริกา เมื่อไม่มีภาพยนตร์ระดับ Blockbuster เข้าฉายเลยจนถึงสิ้นปีนี้

โดยการตัดสินใจของ Cineworld ออกมาภายหลังมหากาพย์สายลับอย่าง เจมส์ บอนด์ 007 ภาคใหม่ “No Time To Die” ประกาศเลื่อนฉายจากเดิมเดือนพ..ปีนี้ ไปยังเดือนเม..ปีหน้า

The Sunday Times เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเขียนจดหมายร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี “บอริส จอห์นสัน” ของอังกฤษ เพื่อบอกว่าอุตสาหกรรมนี้กำลังจะอยู่ไม่ได้”

ด้านรายงานของ Variety ระบุว่า Cineworld กำลังจะหยุดให้บริการโรงภาพยนตร์ Regal Cinema ทั้งหมด 543 แห่งในสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยโรงภาพยนตร์ทุกแห่งทั่วสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้

เเม้ตอนนี้จะยังไม่มีกำหนดว่าจะกลับมาให้บริการอีกครั้งเมื่อใด เเต่ก็หวังว่าโรงหนัง Cineworld จะกลับมาเปิดอีกครั้งในปีหน้า ซึ่งตอนนี้ชะตากรรมของพนักงานกว่า 5,500 คนในอังกฤษ กำลังเเขวนอยู่บนเส้นด้าย

ก่อนหน้านี้ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ หวังว่าการเปิดตัวของหนังฟอร์มยักษ์อย่าง No Time To Die จะจุดประกายให้เกิดการฟื้นตัวของภาพยนตร์ในสหราชอาณาจักร หลังซบเซามานานตั้งเเต่เดือนมี..

Cineworld เป็นผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลกและใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ซึ่งดำเนินธุรกิจในเครืออย่าง Cineworld และ Picturehouse

บริษัทรายงานผลขาดทุน 1.6 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5 หมื่นล้านบาท) ในช่วง 6 เดือนเเรกของปีนี้ โดยผลกระทบหลักๆ มาจากการที่โรงภาพยนตร์ต้องปิดตัวลงชั่วคราวจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัด COVID-19 ตอนนี้โรงภาพยนตร์ของ Cineworld เริ่มกลับมาเปิดให้บริการบ้างแล้วใน 561 สาขา จากทั้งหมด 778 สาขาในเครือ เเต่ก็ยังถือว่าอยู่ในช่วงวิกฤตเเละต้องการเงินทุนเข้ามาใช้ดำเนินการธุรกิจ

นักวิเคราะห์ให้ความเห็นกับ BBC ว่า ตารางการเปิดตัวของหนังใหม่ในปีนี้ มีการเปลี่ยนเเปลงไปมาตลอดเวลา ถือเป็นปีเเห่งหายนะของทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมนี้ โดยการตัดสินใจของ Cineworld ที่จะปิดให้บริการชั่วคราวไปก่อนจนถึงปีหน้านั้น ก็ถือว่าสมเหตุสมผล

 

ที่มา : Variety , BBC