การจัดตั้งสำนักงานย่อยของบริษัท ihub Media ในไทย ตัวแทนดูแลโฆษณาของเฟซบุ๊กในภูมิภาคเอเชีย จะทำให้โฆษณาบน Social Media คึกคักขึ้น ด้วยโฆษณารูปแบบใหม่ๆ ใช้ปั้นแฟนเพจ
จอร์จ ฟู COO ของ ihub Media ซึ่งเป็น Official Sale Partner ของ Facebook ในไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย บอกว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสำหรับการโฆษณาบนFacebook อีกมาก โดยเฉพาะหากพิจารณาจากจำนวน Fans ใน Fans Page ของแบรนด์ต่างๆ แล้ว พบว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกหลายเท่าตัว หากเทียบกับไต้หวันและอินโดนีเซีย ซึ่ง Fans Page บางแบรนด์พุ่งสูงถึง 400,000-500,000 คน ขณะที่ไทยสูงสุดเพียง 100,000 กว่าคนเท่านั้น
และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ ihub มาเปิดสำนักงานที่ประเทศไทย เพราะกลุ่มเป้าหมาย ณ ปัจจุบันนี้ 4.6 ล้านคนที่ใช้ Facebook ยังมีโอกาสอีกเหลือเฟือที่จะพุ่งทะลุถึงตัวเลข 2 หลัก
แน่นอนว่า Facebook กำลังเนื้อหอมทั่วโลก กับค่าโฆษณาที่ต่ำกว่า Mass Media หลายเท่า แต่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจงไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ ที่อยู่ ทำให้มีประสิทธิภาพและหากกลุ่มเป้าหมายสนใจจะเห็นการตอบสนองที่รวดเร็วมาก และที่สำคัญไม่ต้องลงทุนหว่านไปทั่วแต่ได้ผลเพียงหยิบมือ หรือจัดเป็นสื่อที่ Massive Reach,Low Wastage นั่นเอง
“ตอนนี้ไม่มีใครสงสัยแล้วว่าทำไมต้องโฆษณาบน Facebook แต่คำถามที่น่าสนใจกว่าคือจะทำอย่างไรกับโฆษณาบน Facebook ให้มีประสิทธิภาพต่างหาก” เขาอธิบายถึงหลักการ Branded Communication บน Facebook ว่าผลสำเร็จส่วนหนึ่งจะสะท้อนผ่านจำนวน Fans ใน Fans Page ของแบรนด์นั้นๆ ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้เด่นชัด จุดใหญ่ใจความก็คือวิธีการสื่อสาร เนื้อหา และลูกเล่นที่โดนใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดยรูปแบบโฆษณาบน Facebook คร่าวๆ ว่า แบ่งออกเป็น
Homepage Ad โฆษณาที่อยู่ด้านขวาของหน้า Home ของ User อัตราค่าโฆษณาขั้นต่ำ 12,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน เป็นส่วน Exclusive ของแบรนด์ที่เป็นลูกค้าของ iHub โดยเป็นในลักษณะของ Engaging Ad ซึ่งทำได้หลายรูปแบบทั้งวิดีโอ โพล และอีเวนต์ โดยมีปุ่ม “Like” ที่จะคอยดักรอแฟนๆ หน้าใหม่
Home page Reach Box เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการโฆษณาในส่วนของ Homepage Ad กระตุ้นจำนวนแฟนเพจแบบรายวัน โดยจัดเป็น Mass Media โดยแท้จริง เพราะโฆษณาจะปรากฏให้เห็นตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะกับธุรกิจที่มีแฟนเพจมากๆ โดยมีอัตราค่าโฆษณาในส่วนนี้ 7,000 เหรียญสหรัฐต่อวัน และหากมีคนกด Like ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มจำนวน Fans ที่จะเข้ามา Engage กับแบรนด์มากขึ้นหลายเท่าตัว และมีคนคลิก Like ที่ Page นี้เฉลี่ยวันละ 37,000 คน ปัจจุบันมี Fans ทะลุ 600,000 คนแล้ว
เขายกตัวอย่างกรณีศึกษาของลูกค้า ihub Media ที่ประสบความสำเร็จกับการโฆษณาบน Facebook คือ 7-Eleven ไต้หวัน ที่โฆษณาแบบ Reach Box ผลคือในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ แต่ละคนส่งคูปอง Virtual Drink เพื่อนำไปแลกเครื่องดื่มที่ 7-Eleven ต่อๆ กันไปจนครบ 4,000 ชิ้นในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง
Ad Space Unit (ASU) 0.3 เหรียญสหรัฐต่อคลิก แบรนด์สามารถทำเองได้ และตัดบัตรเครดิตจ่ายเงินให้กับ Facebook โดยตรง หรือจะให้เอเยนซี่ดูแลก็ให้ก็ได้
ปัจจุบันในไทย ihub ดูแลลูกค้า 10 ราย เช่น ซูซูกิ สวิฟท์, โซนี่, แพนทีน และสเมอร์นอฟ เป็นต้น และในช่วงแรกจะเน้นจับกลุ่ม Premium Brand และ International Brand ซึ่งใช้สื่อดิจิตอลอยู่แล้วเป็นหลัก
ที่แน่ๆ ยิ่งนักการตลาดเฮโลมาลงโฆษณากับ Facebook มากขึ้น คนที่ยิ้มแก้มปริกว่าใครก็คือ Mark Zugerberg ที่มีคนวิเคราะห์ว่าบริษัทของเขาจะมีรายได้ทะลุ 1,000 ล้านเหรียญในปี 2553 นี้แน่นอน
CPM หรือ Cost Per Mille คือ รูปแบบการคิดค่าโฆษณาต่อการปรากฏของโฆษณาออนไลน์ 1,000 ครั้ง การปรากฏของโฆษณาจะเรียกว่า Impression โดย Mille เป็นภาษาละตินมีค่าเท่ากับ 1,000 เช่น มูลค่า CPM เท่ากับ 100 บาท ทุกครั้งที่โฆษณาปรากฏ 1,000 ครั้ง (Impressions) ก็ต้องจ่ายค่าโฆษณา 100 บาท โดยไม่ได้ดู Interactive แต่อย่างใด เหมาะกับการสร้าง Brand Awareness
CPC หรือ Cost Per Click คือ รูปแบบการคิดค่าโฆษณาต่อการคลิกโฆษณาหนึ่งครั้ง ไม่ว่าโฆษณาจะปรากฏกี่ครั้งก็ตาม ไม่เสียค่าโฆษณาใดๆ เลย แต่ถ้ามีคนคลิกโฆษณา ก็จะเสียค่าโฆษณาทันที ดังนั้นโดยทั่วไปแล้ว CPC มักจะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า CPM แต่ก็แสดงให้เห็นถึง Engagement เหมาะกับการทำโปรโมชั่นเพิ่มยอดขาย ไดร์ฟทราฟฟิกไปยังเว็บไซต์ของแบรนด์ เป็นต้น
ที่มา : www.facebook.com, www.facebookbakers.com, บริษัท ไอฮับ มีเดีย จำกัด