คลีนิกข์สาขาโรงพยาบาล

ใช่แต่ห้างสรรพสินค้าเท่านั้นที่มีเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง แต่เวลานี้ “โรงพยาบาล” ก็กลายเป็นสาขาของเครื่องสำอางแบรนด์เนมกันแล้ว

เริ่มจากผลิตภัณฑ์เวชสำอางหลายแบรนด์ดาหน้าเข้าเกาะกระแสคนรักสุขภาพ เปิดเคาน์เตอร์ในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำมากันแล้วหลายต่อหลายแบรนด์ บางแบรนด์มาแบบชั่วคราว บางแบรนด์เปิดเป็นเคาน์เตอร์ถาวร ในจำนวนนี้ยังมีแบรนด์เครื่องดื่มประเภทนมสำหรับคุณแม่ ประกันชีวิตและสุขภาพอีกหลายต่อหลายแบรนด์เข้ามารวมใช้พื้นที่ในโรงพยาบาลขายสินค้ากันมานาน

ทั้งหมดนี้ก็เพราะทุกแบรนด์ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต่างมีความเชื่อตรงกันว่า ผู้บริโภคที่ก้าวเข้ามารับบริการยังโรงพยาบาลเหล่านี้คือกลุ่มกำลังซื้อชั้นดี ที่พร้อมจะซื้อหาสิ่งที่ตนเองต้องการหรือถูกใจได้ทันที

อีกกลยุทธ์หนึ่งที่ไปกันได้ดีก็คือ ความน่าเชื่อถือของสถานที่มีผลต่อแบรนด์ที่จัดโชว์หรือให้บริการ ณ สถานที่แห่งนั้นด้วย ยิ่งได้บุคคลอ้างอิงระดับแพทย์ด้วยแล้วยิ่งเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้สินค้าหลายแบรนด์ที่เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ที่แพทย์แนะนำเกิดในตลาดได้ในเวลาอันรวดเร็ว เหมือนกับที่ผู้ใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนรายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
“รู้จักกับโลชั่นทาผิวยี่ห้อหนึ่งก็เพราะหมอแนะนำ สั่งจ่ายรวมเป็นยาให้พร้อมยาสำหรับรับประทาน โดยให้เหตุผลว่าต่างจากโลชั่นทั่วไปตรงที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างปานกลางทำให้ไม่ระคายผิว แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นแบรนด์นี้จำหน่ายทั่วไปตามช่องทางค้าปลีกต่างๆ”

สำหรับแบรนด์คลีนิกข์ ซึ่งล่าสุดได้เลือกเปิดเคาน์เตอร์ในโรงพยาบาลเป็นครั้งแรกในโลก ในโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เป็นแห่งแรกนั้น ไม่ได้ต้องการกลยุทธ์ของการเป็นแบรนด์ที่แพทย์แนะนำเหมือนการเปิดตัวของเวชสำอางทั่วไป แต่มิติใหม่ของช่องทางจำหน่ายเครื่องสำอาง ซึ่งจัดเป็นหนึ่งเพรสทีจแบรนด์ที่มีอยู่ของเมืองไทยรายนี้ เกิดขึ้นด้วยไอเดียว่า “ลูกค้าอยู่ที่ไหน เราจะไปที่นั่น” ทำนองนั้นเสียมากกว่า

“แบรนด์ของเราเกิดจากแพทย์ผิวหนัง ซึ่งดูแลผิวหน้า ชื่อแบรนด์เองก็สื่อตรงตัวถึงความใกล้ชิดกับแพทย์ คลีนิกข์เมืองไทยก็เลยคิดกันว่า ทำไมเราไม่ลองเปิดเคาน์เตอร์ในโรงพยาบาลแทนที่จะเปิดตามห้างสรรพสินค้าอย่างเดียวเหมือนที่ทำมาตลอด” ทีมงานคลีนิกข์เล่าถึงที่มา

ไอเดียนี้ เริ่มต้นจาก นันทวัลย์ เหล่าสินชัย ผู้จัดการทั่วไป ผลิตภัณฑ์คลีนิกข์ ซึ่งโดยคอนเซ็ปต์ที่คิดกันขึ้นมาไม่ขัดกับหลักการใดๆ ของแบรนด์ เพียงแต่เป็นเรื่องใหม่ ซึ่งคลินิกข์ทั่วโลกไม่เคยมีการทำตลาดในลักษณะนี้มาก่อน ไอเดียนี้จึงถูกเสนอไปยังคลีนิกข์ และได้รับการอนุมัติให้ดำเนินงานได้ตามต้องการ

งานนี้จึงเรียกได้ว่า จากจุดกำเนิดของแบรนด์ที่เริ่มต้นมาจากแพทย์ ก็ได้ย้อนกลับมาอยู่ใกล้ๆ กับต้นกำเนิดอีกครั้ง แต่เป็นการหวนกลับที่ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่เวลาน้อย ให้มีโอกาสเลือกช้อปได้ง่ายขึ้นแม้แต่วันนัดพบคุณหมอ

ที่สำคัญ ถือเป็นการหาตลาดใหม่หรือสร้างบลูโอเชี่ยนให้เกิดขึ้นกับแบรนด์ได้ฉับพลัน และเป็นการสร้างตลาดที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตลาดเดิมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างดุเดือดของเคาน์เตอร์เครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้าทั่วไป

งานนี้คลีนิกข์การันตีว่า ถ้าเคาน์เตอร์คลีนิกข์ทำยอดขายได้ตามคาด ผู้ป่วยในโรงพยาบาลอีกหลายแห่งคงได้มีโอกาสจ่ายยา “เฉพาะทา (เพื่อความสวย) ภายนอก” เพิ่มขึ้นแน่นอน