รีเจนซี่ เอาจริงหรือเปล่า?

ถ้าจะมองในแง่กลยุทธ์การตลาด การที่บรั่นดีสัญชาติไทยอย่าง “รีเจนซี่” ออกผลิตภัณฑ์ “น้ำดื่ม” ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเบียร์สิงห์และช้างเองก็แตกไลน์วางตลาดน้ำดื่ม แต่ที่น่าแปลกจนบัดนี้ยังไม่สามารถหาซื้อน้ำดื่มรีเจนซี่ได้ง่ายๆ ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวของรีเจนซี่ในครั้งนี้ อาจเป็นเพียงทางออกที่อาศัยโฆษณาน้ำดื่มเพื่อโปรโมตบรั่นดีเท่านั้นหรือ

เนื่องจากรีเจนซี่ต้องเผชิญกับกฎเหล็กไม่ต่างไปจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบรนด์อื่นๆ ที่ไม่สามารถโฆษณาได้ก่อนเวลา 22.00 น. แต่รีเจนซี่ซึ่งแทบไม่เคยจัดงานเปิดตัวแถลงข่าวหรือจัดอีเวนต์ โดยให้น้ำหนักกับการทุ่มงบโฆษณาทาง TVC เป็นหลัก ที่จองหัวหาดในแทบทุกสถานี ตั้งแต่ 22.00 น. เป็นต้นไป โฆษณาของรีเจนซี่ผ่านหูผ่านตาคนนอนดึกที่ดูฟรีทีวีมาแล้ว

ที่ผ่านมา รีเจนซี่สามารถต่อสู้กับแบรนด์พรีเมียมของต่างประเทศอย่าง เรมี่ มาแตง และเฮนเนสซี่ ได้อย่างสมศักด์ศรีตลอดมา แต่การปกป้องตลาดจากคู่แบรนด์ไทยด้วยกันที่ขอแจ้งเกิดอย่างคาเวียร์ของค่ายไทยเบฟที่มีสายป่านยาวเป็นพิเศษ ทำให้รีเจนซี่ต้องออกแรงมากขึ้น ดูจากการช่วงชิงเวลาโฆษณาที่เป็นนาทีทองในช่วงฟุตบอลโลก 2010 ที่จะรีเจนซี่เป็นหนึ่งในตัวเลือกและตอกย้ำถึง Brand Awareness ไว้อย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในคู่ที่ฉาย 18.00 น. และ 21.30 น. รีเจนซี่ผุดโฆษณาน้ำดื่มรีเจนซี่ขึ้นมาใน Mood&Tone เดียวกับบรั่นดีรีเจนซี่ สื่อสารถึงแนวคิดน้ำคือชีวิต และใช้สโลแกนว่า “น้ำดื่มไทย น้ำดื่มรีเจนซี่” พร้อมกันนี้ก็ออกปฏิทินชุดพรรณไม้งามสำหรับแจกดีลเลอร์และลูกค้า

แม้ว่าน้ำดื่มรีเจนซี่ใช้ลวดลายสีฟ้าขาวคล้ายน้ำดื่มสิงห์ ในขวด PET รูปร่างคล้ายน้ำดื่มคริสตัล จะหาซื้อได้ยาก โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ชั้นใน ที่ยังไม่กำหนดจะวางขาย แต่แบรนด์น้ำดื่มรีเจนซี่ก็ไปปรากฏอยู่บนอกเสื้อทีมบางกอกกล๊าส เอฟซี และป้ายโฆษณาข้างลีโอ สเตเดี้ยม สนามเหย้าที่ จ.ปทุมธานี ในฐานะ Official Partner เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากบางกอกกล๊าสเป็นทีมระดับท็อปและมีสนามเหย้าอยู่ปทุมธานี ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของรีเจนซี่ที่ส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด

อย่างไรก็ตาม หากรีเจนซี่ทำยอดขายได้ระดับหลายพันล้านบาทต่อปี จะทุ่มเทและตั้งใจปั้นให้เป็นอีกขาหนึ่งของรีเจนซี่จริงๆ ก็เชื่อว่าตระกูล “โชคชัยณรงค์” ไม่อ่อนข้อให้กับใคร ทั้งสายป่าน และการเอาจริงในการทำธุรกิจ เพราะกว่าที่รีเจนซี่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดบรั่นดีได้ เขาเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ผู้จัดการ เมื่อปี 2531 ว่า เขาต้องดื่มบรั่นดีของตัวเองเป็นเวลานานถึง 10 ปี กว่าที่ตลาดจะให้การตอบรับและผลักดันให้รีเจนซี่ขึ้นเป็นที่ 1ได้เช่นทุกวันนี้

ดังนั้น หากรีเจนซี่จะจริงจังกับตลาดน้ำดื่มก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากดีลเลอร์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว ก็มีศักยภาพในการเข้าถึงตลาดโดยเฉพาะในต่างจังหวัดได้เป็นอย่างดี

แต่ที่น่าห่วง ตลาดน้ำดื่มมีคู่แข่งมากหน้าหลายตา น้ำดื่มช้างเองกว่าจะไต่เต้าเข้า 7-Eleven ได้ ก็กินเวลา 15 ปี ถึงจะรุกตลาดอย่างจริงจัง และต้องเหนื่อยเป็นพิเศษในตลาดน้ำดื่มมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท เพราะคู่แข่งอย่างสิงห์ คริสตัล เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ หรือแม้แต่น้ำทิพย์ ซึ่งล้วนแข็งแกร่งก็ไปไกลมากแล้ว งานนี้ขึ้นอยู่กับว่า รีเจนซี่จะเอาจริงหรือแค่ไหน