หลังจากทำตลาดมากว่า 12 ปีแล้ว สำหรับ “เถ้าแก่น้อย” โดยที่มิชชั่นอันแรงกล้าของซีอีโอหนุ่ม “ต๊อบ อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” ก็คือการก้าวเข้าสู่โกลบอลแบรนด์อย่างเต็มตัว ภายในปี 2567 พร้อมมีรายได้ 10,000 ล้านบาท ทำให้ทิศทางของเถ้าแก่น้อยในปีนี้ค่อนข้างเน้นที่ตลาดส่งออก และเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น เพื่อสร้างแบรนดืให้แข็งแกร่ง
โดยที่ 2 ประเทศที่จะเป็นไฮไลท์ที่สุดในปีนี้ก็คือประเทศจีน และอินโดนีเซีย เพราะด้วยจำนวนประชากรที่เยอะ และตลาดขนมในประเทศจีนก็ใหญ่มาก มีมูลค่าราว 2-3 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่มีเพียงแค่ 30,000 ล้านบาท อีกทั้งพฤติกรรมของคนจีนก็กินขนมเยอะอยู่แล้ว ทำให้มีโอกาสในการทำตลาด
ในประเทศจีนเถ้าแก่น้อยได้เข้าไปทำตลาดมาแล้ว 5 ปี เป็นในรูปแบบของการจำหน่ายผ่านดิสทริบิวเตอร์ 2 ราย ในเมืองกวางเจา และเซี้ยงไฮ้ อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากคนจีนได้มาเที่ยวที่เมืองไทยบ่อย และได้เห็นสินค้าเถ้าแก่น้อยจากในหลายๆ ประเทศที่มีการทำตลาดไปแล้ว
ความสำคัญที่เถ้าแก่น้อยต้องโฟกัสตลาดจีนเป้นพิเศษเพราะว่าประเทศจีนสามารถสร้างรายได้ในส่วนของส่งออกเป็นอันดับหนึ่งในสัดส่วนถึง 23.9% รองลงมาเป็นอินโดนีเซีย 59% มาเลเซีย 4.2% ฮ่องกง 3.1% สิงคโปร์ 2.9% ไต้หวัน 2.2% และอื่นๆ 9.9% อีกทั้งเถ้าแก่น้อยยังติดอันดับ Shopping List ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนต้องซื้อกลับไปด้วย
ประจวบเหมาะกับการเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” ต่อจาก “พลอย เฌอมาลย์” ที่เถ้าแก่น้อยได้เลือกใช้เมื่อปีที่แล้ว สาเหตุที่เลือก 2 คนนี้ก็เพราะว่าต้องการให้เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ และด้วยภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมี่ยม และรักสุขภาพ ซึ่งใหม่เองก็เป็นที่รู้จักอย่างมากในประเทศจีน ทำให้การบุกตลาดจีนในครั้งนี้ได้อาศัยความนิยมของใหม่เป็นการสร้างแบรนด์ได้อย่างดี
อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราทำตลาดที่จีนมา 5 ปีได้แล้ว ภาพรวมยังมีการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ เราได้ดิสทริบิวเตอร์โลคอลที่ดีที่กวางเจา และเซี้ยงไฮ้ ก็ถือว่าแข็งแกร่งแล้ว แต่สำคัญก็คือเราจะทำ Positioning ให้แข็งแรง และเน้นช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยที่จะมีเปิดร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ในเว็บไซต์ T-mall ที่อยู่ภายใต้อาลีบาบา”
ส่วนในประเทศไทยนั้น เถ้าแก่น้อยก็ยังคงให้ความสำคัญอยู่ นอกจากจะมีแคมเปญนี้แล้วยังคงมีการออกสินค้าใหม่ 2 ตัว อย่างแรกเป็นสาหร่ายออก บิ๊กชีสอบ และสินค้าอีกตัวหนึ่งก็คือสาหร่ายกึ่งสแน็ค
ในตอนนี้สัดส่วนรายได้ของเถ้าแก่น้อยอยู่ที่ในประเทศ 45% และต่างประเทศ 55 ล้านปอนด์ ในปีนี้ได้ใช้งบการตลาดราว 5-6% ของรายได้